จากกรณีที่เด็กชายถูกสังกะสีบาดข้อเท้าจนทำให้เอ็นขาด 4 เส้น รพ.ประจำอำเภอกลับเย็บแผลให้แต่ไม่หาย ทำให้ครอบครัวต้องร้องศูนย์ดำรงธรรม ล่าสุดสาธารณสุขอุดรธานีเตรียมเข้าตรวจสอบโรงพยาบาลดังกล่าว
เมื่อวานนี้ (7 พ.ค. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี นายถนัด จินดา อายุ 48 ปี และนางลัดดาวัลย์ มะณีชม อายุ 47 ปี ตาและยายนำเด็กชายเจสซี่ (นามสมมติ) อายุ 5 ขวบ หลานชาย สภาพร่างกายมีบาดแผลเหนือข้อขาขวา เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เรื่องคุณภาพการรักษาผู้ป่วยของ รพ.ประจำอำเภอแห่งหนึ่ง ใน จ.อุดรธานี โดยมี นายณัฐวุฒิ จำปาโพธิ์ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุดรธานี เป็นผู้รับเรื่อง
นายถนัดเล่าว่า เมื่อเช้าวันที่ 15 เม.ย.61 หลานชายปั่นจักรยานไปชนสังกะสีที่วางอยู่ในบริเวณบ้าน ทำให้สังกะสีบาดที่เหนือข้อเท้าขวาลึก จึงพาไปรักษาที่ห้องฉุกเฉินที่ รพ. ขณะนั้นมีเพียงพยาบาล 1 คน มาฉีดยาชา และเย็บบาดแผลให้ ตัวเองถามว่าไม่มีแพทย์มาประเมินหรือ แต่พยาบาลไม่ตอบและเย็บแผลต่อ เมื่อเสร็จก็เดินจากไปไม่ชี้แจง และเจ้าหน้าที่อีกคนแจ้งให้ไปรับยาแล้วกลับบ้าน
เมื่อกลับมาบ้านน้องเจสซี่ยกเท้าไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าเป็นฤทธิ์ยาชา แต่ผ่านไปหลายวันไม่หายจึงพาหลานไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลจังหวัดหนองบัวลำภู แพทย์ได้ตรวจพบว่าเส้นเอ็นขาขาดไป 4 เส้น และเส้นเลือดฝอยขาด จึงต้องทำการผ่าตัดทันที เพื่อต่อเส้นเอ็นและใส่เฝือกอ่อน นายถนัดคิดว่าหากไม่พาหลานมาพบแพทย์ หลานคงจะต้องเป็นคนพิการตลอดชีวิต
โดยนายถนัด ได้พูดตอนท้ายว่า “เมื่อเย็นวานนี้มีผู้ชายคนหนึ่งโทร.มาบอกว่าเป็นพ่อบ้านของโรงพยาบาล ขอไม่ให้มาร้องเรียน และพร้อมจะเยียวยา ผมก็บอกไปแล้วว่า “ไม่ได้ต้องการเยียวยา แต่ต้องการให้โรงพยาบาลมีมาตรฐานในการรักษาสูงขึ้น” โดยวันนี้ตั้งใจไปร้องเรียนทั้งศูนย์ดำรงธรรมอุดรธานี และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด แต่รับแจ้งว่านายแพทย์สาธารณสุขฯ ติดราชการ จะเดินทางมาอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ล่าสุดวันนี้ (เวลา 09.00 น. วันที่ 8 พ.ค. 61) ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี นายถนัด และ นางลัดดาวัลย์ พร้อมน้องเจสซี่ ได้เดินทางเข้าพบทันตแพทย์สันติ ศรีนิล ผู้ช่วยนายแพทย์สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบการดำเนินการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาล ที่ทำการรักษาน้องเจสซี่ เพื่อให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วยอื่น มีความมั่นใจในการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ต่อไป
หลังจากทางครอบครัวของ น้องเจสซี่ ได้พูดคุยกับ ทันตแพทย์สันติ ก็ได้เปิดเผยว่า “ต้องขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอรับผิดในส่วนนี้ และจะพยายามปรับปรุงแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีก”
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทางสำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของบุคคล ก็จะดำเนินการลงโทษตามระเบียบราชการ ถ้าเป็นเรื่องของระบบเรื่องการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์ ก็จะต้องพิจารณาแก้ไขปรับปรุง น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์ เมื่อผลการตรวจสอบออกมา เราจะแจ้งไปทางผู้ร้องเรียนที่ยื่นเรื่องไว้
ส่วนน้องเจสซี่ที่มีสิทธิตาม พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ก็มีสิทธิยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือ ตามมาตรา 41 โดยได้ดำเนินการยื่นไปแล้ว และจะดำเนินการให้เสร็จภายในเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง รวมทั้งในส่วนค่ารักษาพยาบาลที่ได้จ่ายไปแล้ว ที่มีใบเสร็จรับเงินก็จะชดใช้ให้ ซึ่งวันนี้เราก็ได้พูดคุยกันด้วยดี ไม่มีสิ่งใดที่ติดใจอีก
ด้านนายถนัด ตาของน้องเจสซี่บอกว่า “หลังการพูดคุย พอใจที่ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี รับปากจะแก้ไขทางโรงพยาบาลต้นเรื่อง ส่วนวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.61) จะพาหลานไปถอดเฝือก เพื่อเปลี่ยนใส่เฝือกอ่อน ที่โรงพยาบาลหนองบัวลำภู ที่ใส่มานานถึง 60 วัน หลังถอดเฝือกหมอจะทำกายภาพบำบัดให้ ซึ่งหมอบอกว่าเอ็นที่ขาดถ้าต่อได้หลานก็จะเดินได้ตามปกติ แต่ก็ยังลุ้นอยู่ว่าหลานจะหายดีไหม ถ้าเอ็นต่อไม่ติดหมอก็บอกว่ายังมีอีกขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อไป แต่ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวก็ยังห่วงกลัวว่าหลานจะเดินไม่ได้”