
เมล็ดโกโก้ / pixabay
ปัญหาภาวะโลกร้อนกำลังคุกคามพืชพรรณเช่น ต้นโกโก้ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเจริญเติบโตและอาจสูญพันธุ์ได้ จากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในอนาคตอันใกล้ และจะทำให้ขนมหวานแสนอร่อยของใครหลายๆ คน อย่าง ‘ช็อกโกแลต’ ไม่มีอีกต่อไป
เนื่องจาก ต้นโกโก้สามารถเติบโตได้ในพื้นที่แคบๆ ของเขตป่าดิบชื้นราวๆ 20 องศาเหนือและใต้ของเส้นศูนย์สูตร ที่อุณหภูมิ ฝน และความชื้นคงที่ตลอดทั้งปี ช็อกโกแลตมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกมาจากเพียงสองชาติในแอฟริกาตะวันตก นั่นก็คือ โกตดิวัวร์ และ กานา แต่ในอีก 2-3 ทศวรรษข้างหน้า พื้นที่เหล่านี้คงไม่เหมาะสมที่จะปลูกต้นโกโก้ ด้วยอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้น
ดังนั้น บริษัทมาร์ ผู้ผลิตขนมช็อกโกแลตยักษ์ใหญ่ จึงได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ทำการศึกษา ค้นคว้า วิจัยในการใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า CRISPR ในการแก้ไขยีนพันธุกรรม (DNA) เพื่อทำให้ต้นโกโก้สามารถอยู่รอดปลอดภัย ท่ามกลางสภาพภูมิอากาศที่ท้าทาย รวมทั้งศัตรูพืชและการขาดน้ำได้
Jennifer Doudna นักพันธุศาสตร์จาก ม.แคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ผู้คิดค้น CRISPR และดูแลความร่วมมือกับบริษัทมาร์ กล่าวว่า แม้เครื่องมือของเธอจะได้รับความสนใจมากขึ้นจากศักยภาพในการขจัดโรคของมนุษย์ และทำให้เกิดเด็กแบบสั่งตัด (Designer babies) ด้วยการแก้ไขหรือตัดต่อพันธุกรรมเซลล์ต้นกำเนิดที่บกพร่อง ก่อนปล่อยออกมาลืมตาดูโลก แต่ Doudna คิดว่าการใช้งานที่ลึกซึ้งที่สุดจะไม่เกิดขึ้นกับมนุษย์ แต่จะเป็นอาหารการกิน
สำหรับ CRISPR ไม่ได้มีหน้าที่กอบกู้ชีวิตให้ช็อกโกแลตมีอายุยืนยาวขึ้นแต่เพียงเท่านั้น เครื่องมือดังกล่าวยังเข้าไปมีบทบาทช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น การปรับแต่งพันธุกรรมพืช เพื่อทำให้มีราคาถูกและปลอดภัย อย่างมันสำปะหลัง พืชสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้คนนับล้านหิวโหยในแต่ละปี
ด้านบริษัทมาร์ ที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับขนมช็อกโกแล็ต ‘Snickers’ ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มาร์ได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือ 1 พันล้านเหรียญ โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่เรียกว่า “การพัฒนาอย่างยั่งยืนในโลก” ซึ่งมีเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของธุรกิจและซัพพลายเชนของตนลงมากกว่า 60% ภายในปี 2593
ถ้าการใช้เทคโนโลยี CRISPR ประสบความสำเร็จกับการทำให้ต้นโกโก้ มีภูมิต้านทานสภาวะโลกร้อนได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่า ‘ช็อกโกแลต’ จะสูญหายไปแม้โลกใบนี้จะอุ่นขึ้น
(ที่มา Business Insider)