การยาสูบแห่งประเทศไทย เผย ขยับภาษีบุหรี่ร้อยละ 40 กำไรทรุด กัดฟัน 3 ปี แตกไลน์ธุรกิจ ร่วมผลิตบุหรี่เวียดนาม ขายยาเส้น บุกตลาดกัญชง คาดกำไร 3,200 ล้านบาท
นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า หลังจากภาษีสรรพสามิตเตรียมขยับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 เริ่มวันที่ 16 กันยายน 2562 จากปัจจุบันจัดเก็บร้อยละ 20 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดิม ทำให้ราคาบุหรี่ขั้นต่ำเพิ่มเป็นซองละ 93 บาท ยอมรับว่า ต้นทุนภาษีสรรพสามิตและจัดสรรให้กับกองทุนต่างๆ ต้นทุนสูงถึง 78 บาทต่อซอง ขณะที่ กยท. มีค่าการตลาดเพียง 15 บาท จึงได้รับผลกระทบอย่างมากจากการปรับเพิ่มภาษี ทำให้เดิมที่มีกำไรนับหมื่นล้าน เหลือเพียง 900 ล้านบาท และจะทำให้ตลาดรวมจาก 32,000 ล้านมวน ลดเหลือ 19,000 ล้านมวนต่อปี และส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ลดลงจากร้อยละ 60 เหลือร้อยละ 50

นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการ การยาสูบแห่งประเทศไทย (กยท.)
กยท. จึงปรับแผนงานในช่วง 3 ปีข้างหน้า ประกอบด้วย 1.การขยายธุรกิจในการบริหารจัดการใบยา การผลิตและจำหน่ายยาเส้น ด้วยการนำใบยาพันธุ์ต่างๆ ทั้งเวอร์จิเนีย เตอร์กีส และเบอร์เล่ย์ มาผสมกันเพื่อให้มีรสชาตที่แตกต่างออกไป 2.การร่วมลงทุนกับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เพื่อผลิตบุหรี่ขายในประเทศเวียดนามและส่งออกไปต่างประเทศด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คาดว่าจะเริ่มผลิตล็อตใหม่ได้ในช่วงเดือนเมษายนนี้ และ 3.การทดลองวิจัยนำใยกัญชงเพื่อใช้ผลิตกระดาษมวนบุหรี่ เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสกัดน้ำมันจากผลกัญชงเพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตเครื่องสำอางและยาบำรุงสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังขยายภารกิจของโรงงานยาสูบภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จากเดิมทำหน้าที่ผลิตมวนยาสูบมารับจ้างผลิตและพิมพ์งานด้านต่างๆ ซึ่ง 3 แนวทางดังกล่าวจะทำให้ กยท. มีกำไรเพิ่มจาก 900 ล้านบาท เป็น 3,200 ล้านบาทต่อปี

โรงงานยาสูบภายในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ (แฟ้มภาพ)