หลังจากที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า ผลสอบเรื่องการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐ 650 ล้านบาทไม่พบผู้บริจาคที่เป็นบุคคลต่างชาติจึงถือว่าไม่มีความผิดและไม่เข้าข่ายการยุบพรรคนั้น
วันที่ 12 มี.ค. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์ในนามสมาคม เรื่องผิดหวังเลขา กกต. สอบโต๊ะจีน พปชร.ไม่ตรงกับคำร้อง โดยมีใจความสำคัญว่า สมาคมฯ ไม่เคยร้องให้ตรวจสอบว่ามีบุคคลต่างชาติบริจาคหรือไม่ แต่ได้ร้องให้ กกต.ตรวจสอบ 3 เรื่อง คือ
1)มีข้าราชการและหรือหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคทั้งทางตรงหรือทางอ้อมตามมาตรา 76 แห่งพรป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่ อย่างไร
2)เงินที่นิติบุคคลบางแห่งบริจาคนั้น เป็นบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนมาโดยตลอด แต่ทำไมจึงมีศักยภาพในการบริจาคได้ ซึ่งอาจเข้าข่ายมาตรา 72 และหรือมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 หรือไม่
3)มีพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่น กทม. ททท. ฯลฯ มาร่วมซื้อโต๊ะและหรือบริจาคด้วยหรือไม่ ตามที่มีชื่อปรากฎในแผนผังของการจัดโต๊ะจีนดังกล่าว
ซึ่งหากพิจารณาไต่สวนแล้วมีข้อมูลอันเชื่อได้ว่ามีเหตุตามคำร้องทั้ง 3 ประเด็นข้างต้น ก็สามารถใช้เป็นเหตุตามมาตรา 72 ประกอบมาตรา 92 (3) ได้ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่า มีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” ซึ่งนายทะเบียนพรรคการเมืองสามารถเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ กกต.เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐได้ต่อไป
“แต่การที่เลขา กกต. มากล่าวอ้างการตรวจสอบเฉพาะมาตรา 74 คือ ไม่มีผู้บริจาคเป็นบุคคลหรือนิติบุคคลต่างชาติก็สรุปเอาง่ายๆว่าไม่มีเหตุแห่งการยุบพรรค พปชร.โดยไม่นำมาตรา 72 มาพิจารณาตรวจสอบเลยนั้น ท่านเลขา กกต.ไปกินอะไรมาผิดสำแดงหรือเปล่า ? เช่นนี้จะเรียกว่าเป็นการใช้อำนาจไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมได้อย่างไร ?” แถลงการณ์ระบุทิ้งท้าย