เหริน เจิ้งเฟย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย กล่าวในวันนี้ว่าท่าทีการตั้งกำแพงการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบกับหัวเว่ยน้อยนิดมาก เพราะหัวเว่ยเตรียมรับมือไว้นานแล้ว
ในการให้สัมภาษณ์กับ CCTV – สื่อของรัฐบาลจีน เหริน บอกว่าการพัฒนาเทคโนโลยี 5G ของจีนจะไม่ส่งผลร้าย เพราะบริษัทอื่นๆ ก็จะเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามมาในช่วงเวลา 2-3 ปี พร้อมทั้งบอกว่าที่ผ่านมาเป็นรัฐบาลสหรัฐฯ เอง ที่ประมาทหัวเว่ย
บริษัทผลิตชิปของหัวเว่ย HiSilicon บอกให้วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา ว่าได้เตรียมรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้ไว้แล้ว โดยถ้าสหรัฐแบนจีนจากการซื้อเทคโนโลยี พวกเขาก็มีชิปและอุปกรณ์ต่างๆ รองรับไว้อยู่
“ผมเริ่มทำหัวเว่ยด้วยความตั้งใจว่ามันจะอยู่ไปนานนะ เราพร้อมสู้สงครามระยะยาว เราไม่ได้ต่อสู้สงครามระยะสั้น และยิ่งสงครามกินเวลานาน ยิ่งเราได้ต่อสู้มากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นเท่านั้น” CEO ของบริษัทมือถืออันดับหนึ่งของจีนกล่าว
“แน่นอนตอนนี้คนสงสัยว่า เทคโนโลยี 5G จะถูกแบ่งออกเป็นสองมาตรฐาน ตะวันตก กับ จีน แต่สุดท้ายไม่มีใครยอมให้เกิดภาพแบบนั้นหรอกครับ มนุษย์เราก้าวข้ามความแตกต่างพวกนั้นมาหมดแล้ว สุดท้ายจะมีมาตรฐานเดียวเพื่อตอบโจทย์ Cloud Community ไอ้ความคิดเรื่องสองมาตรฐาน เพื่อสองระบบ Clouds มันยากที่จะหลอมรวมกัน ถ้าสหรัฐฯ จะจู่โจมเราจากฝ่ายเหนือ เราอาจจะถอยหลังไปบ้าง แต่เราก็จะลุกขึ้นมาใหม่”

หัวเว่ยครองตลาดมือถือเป็นอันดับ 2 ของโลก
เหริน บอกว่าถ้าสหรัฐฯ ถอยกลับลำตอนนี้ HiSilicon ก็จะกลับไปผลิตอุปกรณ์ในปริมาณเล็ก และเขาเชื่อว่าอีกไม่นานสหรัฐฯ ก็จะปรับท่าที เมื่อรู้ตัวว่ากำลังมาผิดทาง
รัฐบาลสหรัฐฯ ทำการระงับการแบนหัวเว่ย 90 วัน โดยจะให้หัวเว่ยซื้อสินค้าของประเทศได้จนถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2562