ขณะนี้สถานการณ์น้ำในเขื่อนทั่วประเทศไทยอยู่ในระดับวิกฤติ โดยมีน้ำเหลือใช้ได้จริงเพียง 15% ของความจุเขื่อนทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคกลางที่มีน้ำที่ใช้ได้จริงเหลือในทุกเขื่อนแค่ 6% เท่านั้น สำหรับพื้นที่ที่วิกฤติที่สุดคือลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งกรมชลประทานระบุว่า หากช่วงเดือนสิงหาคมฝนไม่ตกตามปกติเช่นทุกปี พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาจะขาดน้ำสำหรับอุปโภคและบริโภคในเวลาไม่เกิน 3 เดือน
ข้อมูลจากเว็บไซต์ thaiwater.net ของกรมชลประทานระบุว่า ขณะนี้ประมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศที่ “ใช้การได้จริง” เหลืออยู่ที่ 15% ของความจุอ่างเท่านั้น โดยพื้นที่ที่วิกฤติที่สุดคือเขื่อนในภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและการเกษตรของพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยในขณะนี้ 12 เขื่อนของภาคเหนือและภาคกลางเหลือน้ำที่ใช้การได้จริงรวมกันเพียงประมาณ 1,600 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งคิดเป็นเพียงประมาณ 6% ของความจุเขื่อนทั้งหมดในพื้นที่
นายประยูร เย็นใจ ผอ.ส่วนบริหารจัดการน้ำ กรมชลประทาน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า โดยปกติแล้วลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาใช้น้ำรวมทั้งการอุปโภค บริโภค และการเกษตร รวมกันประมาณวันละ 45 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งถ้าในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลตามปกติ และน้ำยังถูกปล่อยออกจากเขื่อนในระดับนี้ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการลด ก็จะทำให้น้ำที่ใช้การได้หมดเขื่อนในเวลาประมาณ 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม หากเกิดวิกฤติฝนไม่ตกขึ้นมาจริงๆ ทางกรมชลประทานก็จะลดการปล่อยน้ำเหลือเพียงประมาณวันละ 18 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้อุปโภคและบริโภค แต่จะไม่เหลือสำหรับไว้ใช้ในการเกษตร โดยมีแผนจะลดการปล่อยน้ำดังกล่าวในช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเมื่อลดการปล่อยน้ำเช่นนี้แล้ว ก็จะทำให้ลุ่มเจ้าพระยายังมีน้ำใช้สำหรับอุปโภคและบริโภคได้อีกประมาณ 75 วัน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์วิกฤติข้างตนจะเกิดขึ้นในกรณีที่ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลในเดือนสิงหาคมนี้เท่านั้น หากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ฝนตกตามปกติเช่นทุกปี วิกฤติน้ำข้างต้นก็จะไม่เกิดขึ้น
สำหรับในภาคอื่นๆ แม้จะเหลือปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้จริงน้อยเช่นกัน แต่ก็ยังไม่วิกฤติเท่าลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดย 2 เขื่อนในภาคตะวันตก มีน้ำที่ใช้การได้จริงเหลือประมาณ 4.7 พันล้าน ลบ.ม. หรือประมาณ 18% ของความจุ สำหรับภาคอีสานมีทั้งสิ้น 12 เขื่อน ปัจจุบันเหลือน้ำที่ใช้การได้จริง 921 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 11% ของความจุ
ส่วนภาคตะวันออกและภาคใต้ ซึ่งโดยภูมิประเทศแล้วมีฝนตกชุกเป็นปกติ ปริมาณน้ำในเขื่อนที่ใช้การได้จริงมีอยู่ในสัดส่วนมากกว่าภาคอื่นๆ โดยภาคตะวันออกมีน้ำที่ใช้การได้จริง 21% ของความจุ และภาคใต้มีน้ำที่ใช้การได้จริง 38% ของความจุ
และโดยเฉลี่ยทั่วประเทศแล้ว มีน้ำที่ใช้การได้จริงเหลืออยู่ทั้งสิ้น 10,713 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 15% ของความจุทุกเขื่อนทั้งประเทศรวมกัน
ที่มา กรมชลประทาน