รายงานเรื่อง Emission Gap ขององค์การสหประชาชาติที่ออกมาวันนี้ (26 พฤศจิกายน 2562) ระบุว่า ภายในรายงานระบุว่าอุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นถึง 3.9 องศาเซลเซียสก่อนถึงศตวรรษที่ 22 ซึ่งประชากรโลกจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งใหญ่หากไม่อยากให้อุณหภูมิเพิ่มสูงเรื่อย ๆ
หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นด้วยอัตรานี้จะเร่งการตายของปะการัง น้ำท่วมเมืองใหญ่ริมชายฝั่ง และระดับน้ำทะเลให้เกิดเร็วขึ้น ในขณะเดียวกันคลื่นความร้อน และภัยธรรมชาติก็จะรุนแรงขึ้นในอัตราที่เร็วขึ้นด้วย
ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ตกลงกันผ่านข้อตกลงปารีสว่าจะช่วยกันรักษาไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส ซึ่งหากจะรักษาอุณหภูมิดังว่าได้ รายงานขององค์การสหประชาชาตินี้เสนอว่าต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึงร้อยละ 7.6 ทุก ๆ ปี เริ่มจากปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเป็นปริมาณที่สูงมาก
คณะผู้เขียนรายงานยอมรับว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอที่ “สิ้นหวัง (bleak)” เนื่องจากแลไม่เห็นหนทางที่จะลดอัตราการปล่อยก๊าซได้มากขนาดนั้น โดยปัจจุบันโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นปีละ 1.5 เปอร์เซ็น
อิงเกอร์ แอนเดอสัน (Inger Andersen) ผู้อำนวยการโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (the U.N. Environment Program) เขียนในรายงานว่า “เป็นความล้มเหลวของเราทุกคนที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที”
ในรายงานยังระบุอีกว่า “ยิ่งเริ่มแก้ปัญหาช้าเท่าไหร่ หมายถึงเราต้องแก้ปัญหามากขึ้นเท่านั้น ต้องแลกกับต้นทุนที่สูงขึ้นและความเป็นไปได้ที่น้อยลง”
