วันที่ 30 พ.ย. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ประชุมเร่งรัดดำเนินคดีเกี่ยวกับตัวแทนลิขสิทธิ์ ที่มีการแอบอ้างเพื่อจับกุมเรียกรับเงินบรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายเสื้อผ้ามีลิขสิทธิ์ โดยมีการรวบรวมพยานหลักฐาน เสนอศาลจังหวัดนครพนม อนุมัติออกหมายจับ นายประจักษ์ โพธิผล อายุ 56 ปี ฐานความผิดกรรโชกทรัพย์และปลอมใช้เอกสารปลอม โดยศาลจังหวัดนครพนม ได้อนุมัติออกหมายจับ ที่ จ 155/2562
สำหรับพฤติกรรมของนายประจักษ์ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ได้นำเอกสารไปแสดงตัวเป็นบริษัทผู้รับมอบอำนาจจับกุมลิขสิทธิ์เข้าจับกุม ฐานละเมิดลิขสิทธิ์ เสื้อผ้าการ์ตูนเบ็นเท็น กับ น.ส.ศิรินภา วงค์ล่าม อายุ 30 ปี ชาว จ.นครพนม และเรียกรับเงิน จำนวน 15,000 บาท ซึ่งภายหลังผู้เสียหายทราบว่าเป็นเอกสารปลอม จึงไปแจ้งความ
ต่อมาพล.ต.อ.วิระชัย พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนาชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม, พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิทธิโชติ ผกก.สืบสวนนครพนม นำทีมพนักงานสอบสวน เดินทางไปที่โรงพยาบาลนครพนม เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กับ น.ส.ศิรินภา ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัวหลังจากคลอดบุตร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าได้มีการจ่ายเงินให้ผู้ต้องหาจริง
โดยนายประจักษ์ นำเอกสารรับมอบอำนาจเข้ามาจับกุม และได้มีการนำหลักฐานมาลงบันทึกประจำวันที่ สภ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พร้อมแจ้งให้จ่ายค่าปรับเป็นเงิน จำนวน 35,000 บาท ก่อนเจรจาตกลง ให้จ่ายเพียง 15,000 บาท โดยยืนยันว่าจะดูแลไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้ตำรวจยังพบว่า ตรวจสอบแล้วมีการก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีก 2 คดี ในพื้นที่ สภ.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีเอาผิดเพิ่มเติม
พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า วันนี้ได้ลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดดำเนินคดีเอาผิดเกี่ยวกับตัวแทนลิขสิทธิ์ ที่มีการนำเอกสารปลอมอ้างว่ารับมอบอำนาจจากบริษัท ดูแลลิขสิทธิ์เสื้อผ้าแบรนด์ดัง ตำรวจได้มีการสอบสวน สืบสวน จนกระทั่งพบว่า ผู้กระทำผิดคือ นายประจักษ์ โพธิผล อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่เคยก่อคดีจับลิขสิทธิ์ทำกระทง ยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรม ตรงไปตรงมา ที่สำคัญได้มีการหารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมถึงตำรวจในสังกัด ให้เพิ่มมาตรการเข้มตรวจสอบดูแล พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงขั้นตอนในการตรวจสอบจับกุมลิขสิทธิ์ และให้ตำรวจร่วมตรวจสอบดูแลไม่ให้มีการฉวยโอกาสกรรโชกทรัพย์ เรียกรับเงิน ไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ