ขีดเส้น "บิ๊กโจ๊ก"กับพวก รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง

ขีดเส้น "บิ๊กโจ๊ก"กับพวก รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง

30229 เม.ย. 67 22:31   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ขีดเส้น "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กับพวก รับทราบข้อหาผิดวินัยร้ายแรง วันที่ 7 พ.ค. นี้

(29เม.ย.67) พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) เรียกคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง กรณีที่ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล พร้อมพวกรวม 5 คน ทำผิดวินัยร้ายแรงถูกตั้งข้อหาฟอกเเงิน และถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยการประชุมในวันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผบ.ตร.เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ ขึ้นมา


พล.ต.อ.สราวุฒิ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เชิญคณะกรรมการทุกคนมาเพื่อประชุมแนวทางการสอบสวน โดย 2 จาก 14 คนไม่สามารถมาประชุมได้เนื่องจากติดราชการ โดยกรอบระยะเวลาของกฎระเบียบที่ก.ตร.กำหนดไว้ มีกรอบระยะเวลา 15 วันนับจากวันที่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคือวันที่ 22 เมษายน 


พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ดังนั้นทั้ง 5 ท่านจะต้องเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 7 พฤษภาคม ซึ่งก่อนวันที่ 7 จะต้องมีการส่งหนังสือแจ้งทางไปรษณีย์ให้กับทาง 5 ท่านทราบ แต่หากบุคคลที่ถูกเรียกติดธุระไม่สามารถเดินมาได้ก็ส่งหนังสือมาเพื่อขอเลื่อนได้


"โดยหลังจากนั้น คณะกรรมการจะต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบสวนพยาน ซึ่งมีกรอบระยะเวลา ทั้งหมดต้องไม่เกิน 270 วัน" พล.ต.อ.สราวุฒิ ระบุ


พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวด้วยว่า โดยการวางกรอบการทำงานของคณะทำงานจะต้องยึดหลักในเรื่องของระเบียบและข้อกฎหมายเท่านั้น และจะต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 รายอย่าง 100%


ส่วนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะยื่นคัดค้าน 1 ในคณะกรรมการ ที่เป็นคู่ขัดแย้งนั้น พล.ต.อ.สราวุฒิ บอกว่า สามารถทำได้ แต่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้พิจารณาว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ 


"แต่ยอมรับว่าการทำงานของคณะนี้อาจจะแล้วเสร็จไม่ทันตนเกษียณอายุราชการ แต่ก็สามารถส่งต่อข้อมูลให้กับผู้ที่จะเข้ามารับผิดชอบแทนได้ ยืนยันว่าไม่ใช่การโยนเผือกร้อน" พล.ต.อ.สราวุฒิ ระบุ


พล.ต.อ.สราวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการที่รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เลือกตนเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ก็รู้สึกตกใจว่าทำไมมอบให้ตนเองเป็นหัวหน้าเพราะใกล้จะเกษียณแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะตนเองเป็นกลาง ก็น่าจะเพราะมีความจำเป็นจริง ๆ แต่ไม่ได้มีการพูดคุยหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ 


"ยืนยันและขอประกาศว่าไม่มีใครมาชี้นำตนได้ รวมถึงยังไม่มีการพูดคุยกับทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์เป็นการส่วนตัว แต่ตนพร้อมหากจะมีใครมาพูดคุยเพราะถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกคน และถึงแม้จะเป็นพี่น้องร่วมสถาบัน และเคยทำงานร่วมกัน ก็จะไม่มีการช่วยเหลือและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" พล.ต.อ.สราวุฒิ ระบุ


ส่วน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอันดับ1อยู่หรือไม่ พล.ต.อ.สราวุฒิ บอกว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากการตรวจสอบทางวินัยและอาญายังไม่แล้วเสร็จ รวมถึงขณะนี้ยังไม่ถือว่าออกจากราชการแล้ว 100% เนื่องจากขั้นตอนยังไม่ครบถ้วน


ส่วนในวันพรุ่งนี้ที่ นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการแต่งตั้งนายพลแก้มลิง หรือนายพลที่จะครบเกษียณราชการ 30 ก.ย.นี้ โดยจะไม่มีการพูดคุยเรื่องนี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง