แม่ช้ำถูกลูกไล่ ทั้งๆ ที่เลี้ยงจนโตแถมยกบ้านให้แล้ว

แม่ช้ำถูกลูกไล่ ทั้งๆ ที่เลี้ยงจนโตแถมยกบ้านให้แล้ว

104626 มิ.ย. 68 13:14   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดช้ำ สามีเสียตั้งแต่ลูกยังเล็ก ยกบ้านให้ลูกมานาน 20 กว่าปี พอถึงวันที่แม่ลำบากลูกกลับไม่ยอมให้แม่อยู่ด้วย อ้างไม่ชอบน้องชายต่างพ่อ-เมียก็ไม่ชอบแม่

(26 มิ.ย. 68) คุณแม่แอน วัย 49 ปี สุดทน เข้าขอความช่วยเหลือจากเพจ “สายไหมต้องรอด” หลังโอนยกบ้านให้ลูกชายคนโตตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แต่เมื่อป่วยหนักและไร้ที่พึ่ง กลับถูกลูกชายปฏิเสธไม่ให้กลับมาอยู่บ้าน ซ้ำยังถูกลูกสะใภ้ไม่พอใจ ทำให้ต้องเร่ร่อนหาบ้านเช่าเลี้ยงดูลูกชายคนเล็กที่ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่เพียงลำพัง


คุณแม่แอน เล่าทั้งน้ำตาว่า เมื่อปี 2536 ได้แต่งงานและมีลูกชาย 1 คน ดูแลเลี้ยงดูและส่งเสียลูกเรียนมาตลอด จนกระทั่งปี 2546 ลูกชายอายุ 10 ขวบ ตนเองจับได้ว่าสามีมีผู้หญิงอื่น จึงตัดสินใจโอนบ้านให้กับลูกชายเพียงผู้เดียว แม้เจ้าหน้าที่เขตจะเตือนและแนะนำให้โอนเป็นสองชื่อหรือแบ่งครึ่ง เพราะกลัวว่าลูกจะทอดทิ้ง แต่ด้วยความรักและความเชื่อใจในตัวลูกชาย จึงตัดสินใจโอนให้ลูกทั้งหมด


หลังจากนั้นเพียง 2 ปี สามีก็เสียชีวิตลง ทำให้คุณแม่แอนต้องเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หาเช้ากินค่ำส่งลูกเรียนหนังสือ จนลูกชายคนโตเติบโตขึ้นและอายุ 20 ปี ลูกชายได้พาผู้หญิงเข้ามาอยู่บ้าน ซึ่งคุณแม่แอนยอมรับว่าไม่พอใจนัก เนื่องจากฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เช่น ดื่มน้ำกระท่อม และมีคนมาเรียกซื้อใบกระท่อมถึงหน้าบ้าน ทำให้คุณแม่และลูกสะใภ้ทะเลาะกันเรื่อยมาจนเข้าหน้าไม่ติด ถึงขั้นเวลาทานข้าว ลูกสะใภ้ก็จะออกไปทานข้างนอก ทำให้ลูกชายต้องทะเลาะกับลูกสะใภ้ตลอดเวลา สุดท้าย คุณแม่แอนจึงตัดสินใจย้ายออกมาอยู่ห้องพักรายเดือน


ต่อมา คุณแม่แอนได้พบกับสามีใหม่ ซึ่งมีอาชีพขับรถสิบล้อ ส่วนตนเองขับรถแท็กซี่ ตัดสินใจอยู่กินจนมีลูกชายด้วยกัน 1 คน แต่โชคร้ายที่ลูกชายคนเล็กป่วยเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ คุณแม่จึงต้องคอยดูแลเลี้ยงดูมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยทิ้งลูกชายคนโต ยังคงแวะเวียนไปหาเสมอ และเมื่อลูกชายคนโตไม่สบาย ก็จะเข้าไปดูแล


ปัจจุบัน ลูกชายคนเล็กอายุ 9 ขวบ ส่วนลูกชายคนโตอายุ 32 ปี และสามีใหม่ของคุณแม่แอนก็ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีกจากเส้นเลือดตีบเฉียบพลัน จึงกลับไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดสุรินทร์ ทำให้คุณแม่แอนต้องเช่าห้องพักอยู่กับลูกชายคนเล็กเพื่อเลี้ยงดูเพียงลำพัง


ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา คุณแม่แอนป่วยหนักด้วยอาการกรวยไตอักเสบ จึงกลับไปหาลูกชายคนโตที่บ้านหลังที่เคยโอนให้ เพื่อจะขออาศัยอยู่ด้วย แต่ลูกชายคนโตกลับบอกว่าไม่รักน้องชายคนเล็ก และไม่นับเป็นพี่น้องกัน เพราะเป็นน้องชายต่างพ่อ รวมถึงลูกสะใภ้ก็ไม่พอใจและบอกกับลูกชายว่าหากแม่อยู่ ลูกสะใภ้ก็จะไม่อยู่บ้าน ทำให้ลูกชายและลูกสะใภ้ทะเลาะกันอย่างรุนแรง คุณแม่แอนเสียใจมากจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ห้องเช่าอีกครั้ง


คุณแม่แอนกล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า ตนเองกับลูกชายคนเล็กไม่ต้องการอะไรจากลูกชายคนโตเลย และไม่เคยคิดจะเอาบ้านคืน เพียงแค่ขอให้แม่และน้องได้อยู่อาศัยด้วยในช่วงที่ไม่มีงานทำ หากเมื่อใดที่แม่ลืมตาอ้าปากได้ ก็จะไม่มารบกวนอีก


วันนี้คุณแม่แอนไม่มีทางออก จึงเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้เป็นตัวกลางช่วยเจรจากับลูกชาย


ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวภายหลังรับฟังเรื่องราวว่า รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากที่คุณแม่รักลูกและมอบบ้านให้ลูกตั้งแต่อายุเพียง 10 ขวบ แต่ลูกชายคนโตกลับไม่มีจิตสำนึก ไม่ให้ความช่วยเหลือแม่ที่กำลังยากลำบาก กลับเห็นภรรยาดีกว่าแม่ตัวเอง อย่างไรก็ตาม นายเอกภพจะติดต่อและเป็นคนกลางช่วยเจรจากับลูกชายให้ ซึ่งคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก


นายเอกภพยังกล่าวเตือนลูกชายด้วยว่า ความจริงแล้วผู้เป็นแม่สามารถฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินคืนจากลูกได้ หากลูกกระทำการประพฤติเนรคุณอย่างร้ายแรง เช่น ทำร้ายร่างกาย ทอดทิ้ง หรือทำให้แม่ได้รับความอับอายอย่างร้ายแรง โดยสามารถฟ้องได้ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ทราบเหตุการณ์ แต่ผู้เป็นแม่ไม่ทำเช่นนั้น เพียงขอให้ลูกเห็นใจและช่วยเหลือก็เพียงพอแล้ว



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat