พบบริษัทจีนที่สร้างตึก สตง.รับงานที่ รพ.สงขลา ผู้เกี่ยวข้องเร่งหารือว่าจะเอายังไง

(1 เม.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเหตุแผ่นดินไหวที่เมียนมาและอาคาร สตง.ที่กำลังก่อสร้าง ในเขตจตุจักร กทม.พังถล่ม และมีการตรวจสอบพบว่า บริษัทผู้รับเหมาคือ บริษัทไชน่า XXX (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งยังรับเหมางานก่อสร้างในพื้นที่ต่างจังหวัดด้วย ผู้เกี่ยวข้องจึงมีการตรวจสอบ เพราะเกรงว่าจะเกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยขึ้นนั้น

ล่าสุดวันนี้ พบว่า ที่ จ.สงขลา บริษัทดังกล่าวการรับเหมางานก่อร้าง อาคารผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ ร.พ.สงขลา ในพื้นที่ ต.พะวง อ.เมืองสงขลา จำนวน 1 หลัง ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น อยู่ด้านหน้าโรงพยาบาล มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 21,652 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โดยเจ้าของโครงการคือ รพ.สงขลา กระทรวงสาธารณสุข ส่วนผู้ควบคุมงานคือ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสงขลา กับกองแบบแผน กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ รพ.สงขลา 

ซึ่งมีการประมูลโครงการด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) โดยผู้ชนะการเสนอราคาได้แก่ กิจการร่วมค้า AKC ซึ่งเป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 426,900,000 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่นค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด สำหรับระยะเวลาการก่อสร้าง เริ่มสัญญาตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค.65 และจะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 24 ก.ค. 68 งบประมาณจัดจ้าง ได้มาจากเงินงบรายจ่ายประจำปี 2565 ผูกพันปีงบประมาณ 2566-2568

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า โครงการนี้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยคนงานส่วนใหญ่เป็นแรงงานเมียนมา ทำงานทั้งกลางวันกลางคืนในบางช่วง และก่อนหน้านี้ก็ยังคงทำงานกันตามปกติ แต่ในวันนี้หยุดทำงาน โดยทราบว่า ทางโรงพยาบาลกำลังอยู่ระหว่างการประชุมหารือ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เนื่องจาก บริษัทผู้รับเหมามีความเชื่อมโยง และเป็นบริษัทเดียวกับผู้รับเหมาทำตึก สตง. ที่แผ่นดินไหวแล้วพังถล่มลงมาเมื่อไม่นานมานี้

ขณะที่ทางเข้าไซต์งานก่อสร้าง เบื้องต้นพบว่า มีการติดประกาศแผ่นป้ายสัญญาโครงการ และรายละเอียดของโครงการ ส่วนแผ่นป้ายไวนิลชื่อบริษัทผู้รับหมานั้น อยู่ตรงทางเข้าไซต์งาน แต่อาจจะมองเห็นไม่ชัด เพราะต้องให้รถหรือคนงานเข้าออก และมีเพียงโลโก้ด้านบนคานทางเข้าที่เป็นของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง และบริษัทที่ประมูลงานได้ ซึ่งไม่ได้ปรากฏเหมือนที่แชร์กันในสื่อโซเชี่ยลฯ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน