5 ไวรัล กระหึ่มโซเชียลไทย

ปี 2567 เป็นอีกปีที่โลกโซเชียลมิเดียมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีข่าวสารมากมายที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งในปีนี้สังคมไทยเรามีหลากหลายข่าวที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าจะข่าวโซเชียลไวรัล ที่ทำเอาหลายคนโดนตกตามๆกันไป วันนี้ทีมข่าวขอพาทุกคนย้อนรอยข่าวที่เป็นกระแสโซเชียล โดยเริ่มจาก

หมูเด้ง : ฮิปโปแคระจากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี 

โดย"หมูเด้ง"เกิดเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียวได้ให้ประชาชนร่วมโหวตชื่อ ได้แก่ หมูแดง หมูสับ หมูเด้ง ปรากฏว่ามีคนชื่นชอบชื่อ “หมูเด้ง” จำนวน 2 หมื่นกว่าราย 

จากนั้นทางเพจเฟซบุ๊ก "ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง" ได้ลงคลิปและภาพความน่ารักของหมูเด้งที่มีความซุกซน วิ่งเด้งๆ ชอบเล่นน้ำ ชอบกินหญ้า และชอบสวบพี่เลี้ยง และทางสวนสัตว์ยังติดตั้งกล้องให้ดูหมูเด้ง 24 ชม. ทำให้คลิปดังไปทั่วโลก สร้างกระแสเป็นที่พูดถึงทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ และยังปลุกกระแสการเที่ยวสวนสัตว์ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ถึงขนาดที่ชาวต่างชาติจองตั๋วบินตรงมาชมความน่ารักของน้องตัวเป็นๆ ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเองเลย

เริ่มจากสื่อญี่ปุ่นที่ขอมาบันทึกภาพสด ไม่นานสื่อตะวันตกก็เริ่มให้ความสนใจ เช่น TIME, CNN, BBC, Forbes, The Guardian และ The New York Times นอกจากนี้กระแสหมูเด้งยังฟีเวอร์ลามไปถึงวงการกีฬา วงการบันเทิง เป็นต้น ที่โดนตกไปเต็มๆ ปัจจุบันนี้หมูเด้งยังคงเป็นกระแสสร้างมีมอยู่ตลอดและได้คว้ารางวัลจากสื่อต่างๆมากมายในปีนี้

พี่จอง คัลแลน : คู่หูยูทูบเบอร์ที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม

สำหรับคัลแลนและพี่จองแห่งช่อง Cullen HateBerry สองหนุ่มยูทูบเบอร์เกาหลีหัวใจไทย ที่มาสร้างสีสันให้กับวงการคอนเทนต์ในประเทศไทย ที่แบกกระเป๋าเป้ลุยไปทุกที่ทั่วไทย โดยพี่จองก่อนจะมาเป็นยูทูบเบอร์ พี่จองเป็นนักธุรกิจ ที่หลงรักในอาหารและวัฒนธรรมของประเทศไทย ส่วนคัลแลนนั้นเป็นโปรดิวเซอร์เพลง EDM ดีเจชาวเกาหลีใต้ และยังเป็นเจ้าของ K Bomb บาร์เกาหลีในประเทศไทยอีกด้วย ก่อนที่ริเริ่มสร้างช่อง Cullen HateBerry ขึ้นมาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวชีวิตประจำวันและการท่องเที่ยวในประเทศไทย

คัลแลนได้ชักชวนพี่จองให้มาทำวิดีโอท่องเที่ยวด้วยกัน โดยพี่จองได้ทำงานร่วมช่อง Cullen HateBerry ครั้งแรก ในวันที่ 8 ก.พ. 2566 ตอน อัปป้าว่าไง? เมื่อลองย่างเนยครั้งแรก ซึ่งเป็นคลิปที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก และคลิปดังกล่าวจึงจุดเริ่มต้นที่เขาทั้งคู่ได้เริ่มมาเป็นยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวด้วยกัน

ด้วยความที่พี่จอง มีบุคลิกที่อบอุ่นและเป็นกันเอง พยายามสื่อสารเป็นภาษาไทย ทำให้ผู้ชมชาวไทยเข้าใจง่ายและรู้สึกใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ส่วนคัลแลนมีบุคลิกที่สนุกสนาน ตลกขบขัน และเป็นธรรมชาติ ทำให้แฟน ๆ รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อได้ชมคลิปของเขา การมาของพี่จองและคัลแลน สร้างปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในวงการคอนเทนต์ของไทย ทำให้ผู้คนให้ความสนใจกับวัฒนธรรมเกาหลีและวัฒนธรรมไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่ทั้งคู่ได้ไปเยือนอีกด้วย

หมีเนย : มาสคอตน้องหมีสุดแบ๊ว 

สำหรับ "หมีเนย" หรือที่หลายๆ คนเรียกว่า "น้องเนย" เป็นมาสคอตจากแบรนด์ขนมปังชื่อดัง Butterbear โดยจุดกำเนิดของ "หมีเนย" มาจากคุณบูม ธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ อดีตนักร้องของค่ายกามิกาเซ่ ที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจ ที่ช่วยดูแลธุรกิจของคุณแม่ ก่อนจะแตกแบรนด์ตัวเองอย่าง “Skinnylicious” ร้านขนมเพื่อสุขภาพ ด้วยความที่เป็นแฟนคลับดิสนีย์ตัวยง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างคาแรกเตอร์หมีเนยขึ้นมา หวังส่งต่อความสุขให้กับทุกคน 

ด้วยบุคลิกที่น่ารักแบ๊ว ขนปุยสุด รวมถึงลีลาการเต้น K-POP และ T-POP เป๊ะปังทุกเพลง ทำให้โดนใจแฟนคลับจากประเทศจีนสุดๆ สร้างปรากฏการณ์ห้างแตก คนไปรอเจอ "หมีเนย" กันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเลยทีเดียวโดยปัจจุบันนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้

ลิซ่า-ลลิษา : ด้วยผลงานเดี่ยว เพลงแรก ROCKSTAR จุดกระแส เยาวราชฟีเวอร์

ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล เมมเบอร์ BLACKPINK ซุปตาร์สาวชาวไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการเพลง ด้วยเพลงโซโล่เพลงแรกในชื่อ "ROCKSTAR" ซึ่งได้จุดกระแส "เยาวราชฟีเวอร์" ไปทั่วโลก สำหรับเพลงลง "ROCKSTAR" นี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศักยภาพทางดนตรีของลิซ่าเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเสนอความเป็นไทยผ่านภาพยนตร์มิวสิควิดีโอที่ถ่ายทำในย่านเยาวราช ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของกรุงเทพฯ ทำให้ผู้ชมทั่วโลกได้สัมผัสกับความสวยงามและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย

ภายหลังจากที่ MV เพลง "ROCKSTAR" ถูกปล่อยออกมา ย่านเยาวราชก็กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาเยือนเยาวราชเพื่อตามรอยลิซ่า และถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏใน MV และยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งวงการบันเทิงและภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วย

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ : มิจฉาชีพที่หลอกลวงประชาชน

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยยอดแจ้งความออนไลน์สะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 - 30 พฤศจิกายน 2567 ผ่าน https://www.thaipoliceonline.com มีจำนวน 739,494 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 77,360,070,295 บาท เฉลี่ยความเสียหายวันละ 77 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 560,412 บัญชี ยอดอายัดได้ จำนวน 8,627,715,890 บาท

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2567 ผลการแจ้งความออนไลน์ รวม 31,353 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวม 2,540,251,400 บาท เฉลี่ยวันละ 85 ล้านบาท ผลการอายัดบัญชี จำนวน 16,229 บัญชี ยอดขออายัด จำนวน 1,864,371,518 บาท ยอดอายัดได้ จำนวน 383,933,622 บาท 

สำหรับประเภทคดีออนไลน์ที่มีการแจ้งความมากที่สุด 5 อันดับแรก ดังนี้ 1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ (ไม่เป็นขบวนการ) มูลค่าความเสียหาย 146,876,439 บาท 2. หลอกให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 526,791,217 บาท 3. ข่มขู่ทางโทรศัพท์ (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 444,379,386 บาท 4. หลอกให้กู้เงิน มูลค่าความเสียหาย 99,885,464 บาท และ 5. หลอกให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่น มูลค่าความเสียหาย 221,723,880 บาท 

นอกจากนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอตีแผ่ 4 มุกยอดฮิต มิจฉาชีพออนไลน์ ภัยร้ายแห่งปี 2024 เพื่อให้พี่น้องประชาชนรู้เท่าทันกลลวงของมิจฉาชีพ ดังนี้

1."ไอเลิฟยูโซมัส ไอจะส่งของให้ ไอจะชวนลงทุน"

มิจฉาชีพจะใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม มาสร้างสัมพันธ์ หลอกว่าจะส่งของให้ หรือหลอกชวนลงทุน

2."โหล ๆ นี่เพื่อนเอง จำได้ไหมเอ่ย"

มิจฉาชีพจะโทรศัพท์มาหา อ้างว่าเป็นเพื่อน ให้ทายว่าใคร จากนั้นสวมรอยหลอกยืมเงิน

3."สารพัด SMS ชิงโชค โปรโมชัน พัสดุตกค้าง"

มิจฉาชีพจะส่ง SMS ชักชวนให้ชิงโชค อ้างว่ามีโปรโมชัน หรือมีพัสดุตกค้าง พร้อมแนบลิงก์หลอกลวง

4."คอลเซ็นเตอร์ตัวร้าย หลอกว่าท่านเป็นคนร้าย จะต้องโอนเงิน"

มิจฉาชีพจะโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลหา แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ให้โอนเงินให้ตรวจสอบ หรือหลอกติดตั้งแอปพลิเคชัน