รมช.คลัง ขับเคลื่อนนโยบาย Zero Tolerance แถลงผลการปราบบุหรี่เถื่อน ยึดของกลางกว่า 35,000 ซอง
รมช.คลัง ขับเคลื่อนนโยบาย Zero Tolerance แถลงผลการปราบบุหรี่เถื่อน ยึดของกลางกว่า 35,000 ซอง

รมช.คลัง ขับเคลื่อนนโยบาย Zero Tolerance แถลงผลการปราบบุหรี่เถื่อน ยึดของกลางกว่า 35,000 ซอง ค่าปรับกว่า 4.7 ล้านบาท
(14 พ.ค.68) ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เป็นประธานแถลงผลการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ของสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 และสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ในสังกัด ภายใต้นโยบาย "Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์" ที่บริเวณหน้าสำนักงานสรรสามิตภาคที่ 7 ต.ดอนยายหอม อ.เมือง จ.นครปฐม โดยมีรองอธิบดีกรมสรรพสามิต , ผอ.สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 , สรรพสามิตพื้นที่ในสังกัด , ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ร่วมแถลงผลการดำเนินงานในครั้งนี้ด้วย
ดร.เผ่าภูมิ รมช.คลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.68 ที่ผ่านมา สำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 ได้รับรายงานว่ามีขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่จากพื้นที่ชายแดน ผ่าน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ผ่านช่องทางธรรมชาติในลักษณะที่เรียกว่ากองทัพมด ซึ่งเป็นการลำเลียงนำสินค้าเข้ามาในปริมาณน้อย แต่ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จากการสืบสวนและเข้าตรวจค้น
เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางบุหรี่ที่มิชอบด้วยกฎหมายได้ จำนวนทั้งสิ้น 35,250 ซอง แบ่งเป็นบุหรี่ตรากรองทิพย์ 90 (FOR EXPORT ONLY) ซองอ่อน จำนวน 30,000 ซอง , บุหรี่ตรากรองทิพย์ 90 (FOR EXPORT ONLY) ซองแข็ง จำนวน 5,150 ซอง และบุหรี่ต่างประเทศตรา D&J จำนวน 100 ซอง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางภาษีและละค่าปรับรวม 4,707,894.48 บาท
จากข้อมูลและแนวทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่า เส้นทางการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมีอยู่ 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ การลักลอบนำเข้าบุหรี่ต่างประเทศผ่านทางไปรษณีย์จากประเทศเพื่อนบ้าน หรือมีนักท่องเที่ยวลักลอบนำติดตัวเข้ามาในประเทศเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต และการลักลอบนำเข้าบุหรี่ในประเทศ เช่น กรองทิพย์ 90 (FOR EXPORT ONLY) ผ่านช่องทางธรรมชาติในลักษณะกองทัพมด ซึ่งมีการรวบรวมไว้ในปริมาณมาก ก่อนจะลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของประเทศเพื่อนำออกจำหน่ายต่อไป
สำหรับแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 7 รวมถึงสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ในสังกัด ได้ขับเคลื่อนภารกิจภายได้นโยบาย "Zero Tolerance : สินค้าหลึกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์" อย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นการบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองทัพบก , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , หน่วยงานด้านความมั่นคง , ด่านศุลกากร รวมถึงบริษัทขนส่งเอกชน เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มผู้กระทำความผิด เส้นทางการลักลอบขนส่งสินค้า เพื่อตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นการยกระดับประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน