ห้ามนำเข้าไม่ส่งผล ราคามันสำปะหลังยังไม่กระเตื้อง
ห้ามนำเข้าไม่ส่งผล ราคามันสำปะหลังยังไม่กระเตื้อง

ชาวไร่มันสำปะหลังโอด แม้มีมาตรการห้ามนำเข้ามันสำปะหลังจากกัมพูชาแต่ราคารับซื้อจากเกษตรกรยังต่ำเตี้ย วอนรัฐควบคุมราคาปุ๋ย ลดต้นทุนการผลิต
(25 มิ.ย. 68) จากกรณีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ให้กรมการค้าต่างประเทศเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา และกรมการค้าภายในยังควบคุมการขนย้ายมันสำปะหลังสดและมันเส้นเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาและป้องกันสินค้าคุณภาพต่ำทะลักเข้าสู่ตลาดในประเทศ อันอาจส่งผลกระทบต่อราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรไทยได้รับอยู่ในปัจจุบันนั้น
ล่าสุดวันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามความคิดเห็นเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลังในพื้นที่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา โดยนายพนม อายุ 55 ปี ชาวไร่มันสำปะหลังในเขต อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ปลูกมันสำปะหลังเป็นอาชีพมาหลายสิบปี เปิดเผยว่า ช่วงปีที่ผ่านมาประสบปัญหาราคามันตกต่ำอย่างมาก ซึ่งสวนทางกับต้นทุนการผลิตที่ยังสูงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตอนนี้รัฐบาลจะมีมาตรการควบคุมการนำเข้าสินค้ามันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา เพื่อไม่ให้มันสำปะหลังคุณภาพต่ำทะลักเข้าไทย จะได้ไม่กระทบต่อราคามันในประเทศก็ตาม แต่มาตรการดังกล่าวในตอนนี้ ยังไม่ได้ส่งผลดีต่อเกษตรกร เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงฤดูเพาะปลูก หัวมันยังไม่โตเต็มที่ ต้องรอไปจนถึงช่วงปลายปีราวเดือนพฤศจิกายนจนถึงต้นปีหน้าจึงจะเก็บเกี่ยวได้ ทำให้ตอนนี้ไม่ค่อยมีเกษตรกรนำมันสดไปขาย จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ซึ่งปัญหาหลักๆ ที่ชาวไร่มันฯ ยังต้องแบกรับและส่งผลกระทบมากกว่า ก็คือเรื่องราคามันตกต่ำ เป็นปัญหาเรื้อรังมานานทำให้เดือดร้อนกันถ้วนหน้า เพราะปัจจุบันหลายโรงงานในจังหวัดนครราชสีมามีราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 1 บาทกว่าๆ ไม่เกิน 2.40 บาทเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับต้นทุนการผลิตมันสำปะหลังของเกษตรกรที่ตกอยู่ไร่ละ 5,000 - 6,000 บาท
เกษตรกรจำนวนไม่น้อยรู้สึกท้อ ยิ่งทำยิ่งจน แต่ก็ไม่รู้จะปลูกหรือทำอาชีพอะไร เพราะทำไร่มันสำปะหลังมานานหลายสิบปีแล้ว ราคาปุ๋ยก็แพงขึ้น ราคาไม่ลงสักที ตกถุงละ1,200-1,300 บาท 60ไร่ก็ตกประมาณ 60,000-80,000 บาท ไม่ใส่ปุ๋ยไม่บำรุง เปอร์เซ็นต์แป้งก็จะไม่ดี และยังมีค่ารถไถ อื่นๆอีกจิปาถะ พอส่งหัวมันสดไปขาย ก็ถูกกดราคาเพราะลานมันจะรับซื้อเฉพาะมันแป้ง จะไม่ซื้อมันรวม และจะดูที่เปอร์เซ็นต์แป้งเป็นหลัก ลานมันที่ตนนำหัวมันไปขาย ถ้าเปอร์เซ็นต์แป้ง มากกว่า14% ก็จะขายได้ประมาณกิโลกรัมละ 1 บาทถึง 1.40 บาทเท่านั้น ถ้าต่ำกว่า14% ลานมันก็จะไม่รับซื้อ ต้องเปอร์เซ็นต์แป้งสูงๆ ถึงจะขายได้ราคา
จึงอยากให้รัฐบาลมาช่วยเหลือโดยด่วน ช่วยปรับราคารับซื้อให้สูงขึ้นกว่านี้ กิโลกรัมละ 2.50 -3.00 บาทก็ยังดี เกษตรกรจึงจะอยู่ได้ ส่วนลดราคาปุ๋ยก็ให้ราคาต่ำลง ไม่ลดสักที เดือดร้อนกันจริงๆ
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
