เด้งก๊วน ตร.นอกแถว อุ้ม-รีดเงินชาวจีน 300 ล้าน

เด้งก๊วน ตร.นอกแถว อุ้ม-รีดเงินชาวจีน 300 ล้าน

10301 พ.ย. 67 17:18   |     AdminNews

"ผู้การแจ้" ผบก.สอท.1 ย้ำ "นิ้วไหนร้ายต้องตัดทิ้ง" ไม่ปกป้องลูกน้องเอี่ยวแก๊งรีดเงินดิจิทัล 'กลุ่มจีนเทา'กว่า 300 ล้าน ย้ำลงโทษเต็มที่ทั้งอาญาและวินัย

จากกรณีที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นายเข้าไปร่วมขบวนการแก๊งตํารวจกับพลเรือนก่อเหตุอุ้ม นายไซ สัญชาติวานูอาตู หรือ 'กลุ่มจีนเทา' รีดเงินดิจิทัล 10 ล้าน USDT คิดเป็นเงินไทยราว 300 ล้านบาท มีการนำหมายศาลตรวจค้นและมีตำรวจกว่า 10 นาย เข้าร่วม ซึ่งในจำนวนดังกล่าวเป็นตำรวจไซเบอร์ 3 นาย สังกัดกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ซึ่งต่อมากองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น

ล่าสุดวันนี้( 1 พ.ย. 67) ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะอาคาร B "ผู้การแจ้" พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ผบก.สอท.1 เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ทราบเรื่องว่าต้นสังกัดได้ดำเนินการตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทันที ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทําผิด "นิ้วไหนร้าย ก็ต้องตัดทิ้ง" และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า "ยังเหลือนิ้วให้ตัดอีกหรือไม่" พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ หัวเราะก่อนตอบว่า จะดําเนินคดีทั้งอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด


นอกจากนี้จะมีการดําเนินการกับผู้บังคับบัญชาการของตํารวจไซเบอร์ทั้ง 3 นาย หากตรวจสอบพบว่ามีการปล่อยปะละเลยก็จะต้องได้รับโทษทางวินัยฐานกํากับดูแลไม่เรียบร้อย ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ของตํารวจทั้ง 9 นายนั้น เบื้องต้นทรายว่าตํารวจทั้ง 9 นาย เคยอยู่สังกัดตํารวจไซเบอร์ก่อนจะถูกโยกย้ายไปประจําหน่วยต่างๆ ส่วนกรณีที่ 3 ตํารวจไซเบอร์ปัจจุบันเคยมีพฤติการณ์ก่อเหตุในพื้นที่ อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี นั้น ตนไม่ทราบว่ามีประวัติดังกล่าวแต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาดําเนินการกวดขันเข็มงวด ส่วนที่มีกระแสข่าว 3 ตํารวจไซเบอร์เป็นลูกน้องเก่าของนายพลตํารวจระดับสูงภายในสํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบ


ทั้งนี้มีรายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้าที่จะเป็นข่าวใหญ่กลุ่มตํารวจที่ก่อเหตุพยายามจะขอเจรจากับผู้เสียหายคืนเงินเพื่อยุติเรื่อง แต่หนึ่งในกลุ่มตํารวจได้ทักท้วงว่าหากคืนเงินจะทําให้เป็นหลักฐานหรือเท่ากับยอมรับว่ากระทําผิดจริง จึงตัดสินใจที่จะเงียบจนกระทั่งมีการออกหมายจับจนเป็นข่าวดังกล่าว


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง