เปิดโทษ “เมาแล้วขับ” อัปเดตล่าสุด 2567

เปิดโทษ “เมาแล้วขับ” อัปเดตล่าสุด 2567

36226 เม.ย. 67 18:33   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เปิดโทษ “เมาแล้วขับ” ฉบับอัปเดตล่าสุด 2567 เท่าไหร่ถึงเรียกว่าเมาแล้วขับ พร้อมอัตราโทษ คุก-ปรับ-ระงับใบขับขี่

“เมาแล้วขับ” ไม่ได้อันตรายแค่กับตัวเรา แต่ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ไปจนถึงความสูญเสียให้เพื่อนร่วมถนนด้วย โดยเมื่อเราขับรถขณะมึนเมา จะเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น โดยที่ปริมาณแอลกอฮล์ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า และจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น จนถึง 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุจะสูงขึ้นถึง 40 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่ม และถ้าหากถึง 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็จะเป็นระดับที่ไม่สามารถทดสอบได้ว่ามีความเสี่ยงมากขึ้นเท่าใด


สำหรับเกณฑ์การตรวจวัดว่าปริมาณแอลกอฮอล์เท่าใดถึงจะนับว่าขับรถขณะเมาสุรา ตามกฎหมายกำหนดไว้ที่ปริมาณแอลกอฮอล์ 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ขับขี่ที่อายุน้อยกว่า 20 ปี หรือยังใช้ใบขับขี่ชั่วคราว ส่วนผู้ขับขี่ทั่วไปจะใช้เกณฑ์ที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเทียบเท่ากับการดื่มเบียร์ 1 กระป๋อง หรือสุรา 3 ฝา โดยผู้ที่เมาสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะมีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับตั้งแต่ 5,000 - 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่ต่ำกว่า 6 เดือน


แต่หากผู้ขับขี่นั้นปฏิเสธที่จะให้ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ จะถือว่าเป็นคนที่เมาแล้วขับทันที โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 10,000 - 20,000 บาท ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน และศาลสามารถสั่งพักใบอนุญาตขับรถ หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ และสามารถยึดรถไว้ไม่เกิน 7 วัน


และเมื่อเมาแล้วขับรถชนจนเกิดอุบัติเหตุ และมีบุคคลอื่นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตด้วย โทษที่ได้รับก็จะขยับเพิ่มขึ้น โดยแบ่งเป็น 3 กรณี คือ


เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับรถ


เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท ระงับใบอนุญาตขับรถไม่น้อยกว่า 2 ปี


เมาแล้วขับจนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที



ที่มา:

https://safedrivedlt.com/

http://www.thaincd.com/2016/media.php?gid=1-015


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง