เปิดปม! จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน “ทนายตั้ม - พี่อ้อย”

เปิดปม! จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน “ทนายตั้ม - พี่อ้อย”

80629 ต.ค. 67 18:31   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เปิดปม! จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน “ทนายตั้ม - พี่อ้อย” รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว

(29 ต.ค.67) แฉต่อ เพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ โพสต์คลิป EP.4 เปิดปม จุดแตกหักรถเบนซ์ 13 ล้าน “ทนายตั้ม - เศรษฐีนี” รถเขาฝากซื้อ แต่เอาไปให้จีนเทาเช่า เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกรักเหมือนครอบครัว...


รอฟังคลิป ต่อไป EP.5 เมื่อไหร่เดี๋ยวบอก กดติดตามสนธิทอล์คไว้ทุกแพลตฟอร์ม เพราะยังมีอีกยาววววว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คุยทุกเรื่องกับสนธิ แฉ เนื้อในทนายตั้ม แผนสูงอยากให้มาดามอ้อยรับลูกตัวเองเป็นลูกบุญธรรม


โดยเริ่มต้นคุณอ้อย กล่าวว่า ล่าสุดที่จะแตกแยกกันก็คือไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์ คือว่าเก็บความรู้สึกไว้เรื่องรถเบนซ์ ส่งนายษิทราขึ้นเครื่องบินกลับที่สนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ทำใจดีเอาไว้ไม่พูดอะไร


เมื่อทีมงานถามว่า เล่าเรื่องรถที่มีอะไรอยู่ในใจ คุณอ้อย กล่าวว่า เรื่องรถก็ 13 ล้านบาท เบิกจากคุณน้อยไป 13 ล้านบาท เขาบอกว่า รถราคา 13 ล้านบาท ถามว่าเอาไปทำอะไร คุณน้อย กล่าวว่า เอาไปใช้ที่บ้านที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เวลาที่คุณอ้อยเข้ามา เอาไว้รับ-ส่ง คุณอ้อยกล่าวว่า ให้เลขาตามเล่มทะเบียนรถให้หน่อย รถซื้อมาตั้งเป็นเดือนๆ จะเป็นปีแล้วเล่มยังไม่ได้ ทางนี้ไปที่ศูนย์ฯ เขาบอกว่าเงินยังจ่ายไม่หมด


คุณน้อย บอกว่า การโอนเงินมัดจำ 500,000 บาท ตนเป็นคนมัดจำจากบัญชีของตน ตนก็ไปตามใบโอนว่าบริษัทนี้จะขึ้นชื่อว่าบริษัทอะไร นายษิทราไม่ให้ข้อมูลอะไรกับตนเลย ไม่ให้เล่ม ไม่ให้ใดๆ ทั้งสิ้น ให้แต่เล่มสีน้ำตาล มาเล่มเดียว ที่ขึ้นทะเบียนว่า ... แล้วนอกนั้นไม่เคยได้อะไร ใบเสร็จก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้


เมื่อถามต่อว่า ซื้อรถ 13 ล้านบาท จ่ายให้จำนวนเต็มเลยครั้งเดียว คุณน้อย กล่าวว่าใช่ มีใบโอนอยู่ โอนจากบัญชีตนเข้าบัญชี ษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมมีแชตไลน์ที่คุยกันด้วย รูปหน้าเขา ถามว่ามีใบเปย์อินไหม คุณน้อยตอบว่า มี เงินมัดจำตนโอนเข้าบริษัทเบนซ์ 500,000 บาท แล้วก็ไปตามจากบริษัทฯ ว่ารถคันนี้ไปยังไงมายังไง ทำไมไม่ได้เล่ม เขาซื้อสดหรือซื้อผ่อน เรื่องถึงนายษิทราโทร.มาด่าตน ถามว่าเงินที่โอนให้นายษิทราเท่าไหร่ คุณน้อยกล่าวว่า 13 ล้านบาทถ้วน ไม่รวมกับเงินมัดจำ 500,000 บาท


เมื่อถามว่า เมื่อความแตกแล้วไปทวงถามนายษิทราเพื่อที่จะเอาหลักฐาน คุณน้อยกล่าวว่า เล่มทะเบียนรถและใบเสร็จ ถามว่า คุยกันยังไง คุณน้อยกล่าวว่า เขาไม่ให้ความร่วมมือ ไปตามที่ศูนย์ฯ เบนซ์ที่เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ ก็ตามจนได้เล่มทะเบียนรถ เขาก็ไม่ต้อนรับตนหรอก เขาก็วีดีโอคอลล์คุยกับจตุพร มาเองที่อยู่บ้าน และวีดีโอคอลล์ขอคำยืนยันว่าเป็นจตุพรตัวจริง ก็เลยให้วีดีโอคอลล์คุย คุณอ้อยกล่าวเสริมว่า ทางศูนย์ฯ วีดีโอคอล นายษิทราไม่ได้ช่วยอะไรตรงนี้เลย และเขาบอกว่ารุ่นนี้ไม่ถึง 13 ล้านบาท คุณน้อย กล่าวเสริมว่า ไปเช็กราคารถที่ศูนย์ฯ พระราม 3 เขาบอกว่าไม่ถึง แค่ 9 ล้านกว่าบาทเอง แต่ศูนย์ฯ สะพานสูงให้ใบเสร็จมาตอนหลัง แต่ไม่ใช่ตัวจริง จำนวนเงิน 12.9 ล้านบาท


คุณอ้อยและคุณน้อย กล่าวว่า มารู้สึกตอนที่ไปพัทยา ให้คุณน้อยพาไปดูเรือยอร์ช มูลค่า 300 ล้านบาท ขับรถคันนี้ไปพักที่โรงแรมฮิลตัน ยาม (เจ้าหน้าที่ รปภ.) บอกว่า มีพวกจีนเทาเอามา เพราะมีคันเดียวหมายเลขทะเบียนนี้ ผมจำได้ มาที่นี่แล้วก็กร่าง เขาก็เลยถามว่ารถใคร รถเบนซ์เราไม่เคยได้ขับ ไม่เคยได้ไปไหน แล้วไมล์มันไปหมื่นกิโลเมตรแล้ว ไม่ถ่ายน้ำมันเครื่องให้ด้วย ตนขอคืนเพราะคนขับรถตนขับได้อยู่แล้ว พอดีคนขับรถเขาอาจจะบ้านนอกๆ หน่อย แต่เขาขับรถเป็น ขับเก่งด้วย นายษิทราบอกว่า เขาขับได้เหรอครับ โน่นนี่นั่น คุณอ้อยจึงตอบว่า เขาขับได้ เอามาเถอะ เอามาทิ้งไว้กับตน จะไปจอดที่บ้านตน เขาเอารถไปใช้ พอพี่กลับมาพี่ก็จะเอาคืน


คุณน้อย กล่าวว่า กุญแจให้ตนมาดอกเดียว พอตอนหลังยื่นโนติสให้เอากุญแจมาคืน นายษิทราบอกว่าหาย ไม่มี มีดอกเดียว แต่ตนไม่เชื่อ คุณอ้อยกล่าวว่า เอาไปให้จีนเทา (กลุ่มจีนสีเทา) เช่าหรือเปล่าเราไม่รู้ 2 เดือน เลขไมล์รถหมื่นกิโลเมตรไปแล้ว คุณน้อยกล่าวเสริมว่า รถไม่ได้อยู่ที่เขาใหญ่ คุณอ้อยมาเมื่อไหร่รถคันนี้ถึงจะมารอรับใช่ พอส่งคุณอ้อยเสร็จก็เอามาไว้กรุงเทพฯ เลย ให้คนขับรถเอาไป แล้วตอนหลังบอกว่าเราจะเอารถไว้ที่นี่ ให้เอาเล่มมาคืนด้วย แล้วก็เงียบไปเลย ก็บอกให้เลขาฯ ไปตามให้หน่อย วันนั้นขึ้นเครื่องแล้วไม่ไปด้วย พอไปตามปุ๊บก็เลยเป็นเรื่องทะเลาะกัน ก็เลยบอกว่าน้อยออกจากที่นี่ไม่ได้ น้อยต้องอยู่ เขาก็เลยโกรธ


คุณอ้อย กล่าวว่า ตนสงสัยว่านายษิทราไม่ซื่อตรงแล้ว หลังจากฟินแลนด์เป็นทริปสุดท้ายก่อนแตกหักกับเลขาฯ แต่เขาก็ไปกับตนอยู่ ตนรู้สึกไม่สนุก เพราะเลขาฯ ไม่ได้ไปด้วย ไม่สนุกแล้ว


คุณน้อย บอกว่า ตนแคนเซิลหมดทุกอย่างและไม่ไป นายษิทราให้ตนเช็กอินไปก่อน ทั้งที่เป็นคณะเดียวกัน 7 คน ครอบครัวนายษิทรา 6 คน ตนเป็นคนที่ 7 เขาบอกว่าให้ตนเช็กอินไปก่อนเลย ทีนี้ตนเห็นนายษิทราเกี่ยงกันกับภรรยาข้างหน้าว่า เธอก็โทร.หาพี่น้อยสิ เขาเกี่ยงกัน ถ้าตนไปแล้วเป็นภาระ ตนไม่ไป แล้วก็แคนเซิล กลับบ้านเลย ไม่เข้าไปเช็กอินเลย แล้วพวกเขาก็ไปกัน 6 คน ไปเที่ยวฟินแลนด์กับคุณอ้อย นี่แหละจุดแตกหัก ตนบอกว่าเรื่องงานก็ส่วนงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว ที่ตนตามอยู่ในหน้าที่ตน อยู่ในคำสั่งของคุณอ้อย พี่ไม่ได้ทำเองโดยพลการอยู่แล้ว มันไม่ใช่เงินตน ตนทำตามคำสั่งเขา แล้วถ้าไม่ใช่เงินนายษิทรา ทำไมนายษิทราไม่เอาของมาให้คุณอ้อย มันของๆ เขา มันไม่ใช่แค่นี้ มีมากกว่านี้อีกที่เราไม่ได้เปิด


เมื่อถามว่า แล้วตอนคืนรถเบนซ์เขาก็มาเคลียร์กันที่ศาล คนขับรถ กล่าวว่า เขาก็เอารีโมตมาคืนที่ศาล วันนั้นเขาบอกเขาติดงานที่นู่น เขามีคดีที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ตนก็เลยเพื่อความสะดวก ไม่เป็นไรเดี๋ยวตนเดินทางไปรับเอง ไม่ยาก 


ถามว่าคืนเล่มทะเบียนรถไหม คนขับรถ กล่าวว่า คืนเฉพาะกุญแจรีโมทเท่านั้น ส่วนเล่ม คุณน้อย กล่าวว่า เล่มเอามาจากที่ศูนย์ฯ


เมื่อถามว่าทำไมนายษิทราเข้ามาเกี่ยวข้องการซื้อรถ คุณน้อย กล่าวว่า ก็เชื่อใจด้านกฎหมาย เป็นที่ปรึกษา พอจ้างเขาเดือนละ 300,000 บาทตนก็ต้องใช้งาน คุณอ้อยกล่าวเสริมว่า แม้กระทั่งรถบริจาคก็ผ่านขบวนการเขาหมด 6 คัน เช่น รถตู้ฉุกเฉิน


คุณน้อยกล่าวว่า แล้วเสนอตัวว่าเขามีเพาเวอร์พอ รถบริจาคให้โรงเรียนเป็นรถสองแถว นายษิทราเป็นคนไปติดต่อครั้งแรก แต่เวลาซื้อรถสองแถว ชื่อรถเป็นชื่อนายษิทรา ทุกวันนี้ก็ยังมีหลักฐานอยู่เลยว่า ซื้อในชื่อเขาแล้วไปโอน ตนต้องตามไปโอนที่สำนักงานขนส่งภายหลังมันยุ่งยาก

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง