คืบ "คดีทิดแย้ม” ล่าสุดพบความผิดปกติทุกยอดรายได้ของวัด "อรัญญาวรรณ" มีเงินหมุนเวียนเฉพาะรายได้ 1 บัญชี กว่า 2 พันล้านบาท

คืบ "คดีทิดแย้ม” ล่าสุดพบความผิดปกติทุกยอดรายได้ของวัด "อรัญญาวรรณ" มีเงินหมุนเวียนเฉพาะรายได้ 1 บัญชี กว่า 2 พันล้านบาท

54422 พ.ค. 68 17:26   |     Tum1

คืบหน้า "คดีทิดแย้ม” ล่าสุด จนท.พบความผิดปกติทุกยอดรายได้ของวัด "อรัญญาวรรณ" มีเงินหมุนเวียนเฉพาะรายได้ 1 บัญชี กว่า 2 พันล้านบาท สืบลึกพบ “หมอเตย” เป็นหมอดูร่างทรง มีอิทธิพลกับวัด

(22 พ.ค.68) ก่อนเที่ยงวันนี้ ที่ชั้น 2 อาคารประชาอารักษ์ บช.ก. โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงความคืบหน้า คดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ยักยอกเงิน 300 ล้านบาท ซึ่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า 7 วันที่ผ่านมาสำหรับคดีนี้ ทางเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้ลงพื้นที่ และเก็บข้อมูลรายละเอียดมาได้เพิ่มเติม มุ่งเน้นไปที่การหยุดยั้งการกระทำความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัด โดยต้องแยกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องบุคคล ไม่ใช่ส่วนรวม มีทั้งการส่งคนไปสอดแนมเก็บข้อมูล และการสืบสวนทางเทคโนโลยี จนสามารถได้ข้อมูลมา

ทั้งนี้ในช่วงแรกยังยืนยันไม่ได้ว่าทิดแย้มกับ น.ส.อรัญญาวรรณ มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ แต่ตรวจสอบได้ว่าในช่วงที่เริ่มมีเงินไหลออกจากบัญชี มีการติดต่อสัมพันธ์พูดคุยกันในช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงปี 63 - ปลายปี 67 ที่พบมีการโต้แย้งกันเรื่องของเงินที่จะไปเล่นการพนัน ซึ่ง "ทิดแย้ม" หมดทางที่จะไปต่อ เงินวัดร่อยหรอ และไม่รู้จะไปยืมเงินใคร ต่อมาอีก 2 เดือน ประมาณเดือน ธ.ค.67 น.ส.อรัญญาวรรณและสามี ก็ถูกตำรวจไซเบอร์จับกุม และได้ไปขอความช่วยเหลือจากทาง "ทิดแย้ม" อีกครั้ง โดยได้พูดกับ "ทิดแย้ม" ว่าคลิปต่างๆที่มีอยู่รวมถึงคลิปเซ็กส์โฟน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ของตำรวจไซเบอร์ยึดไป เพื่อแบล็กเมล์ "ทิดแย้ม" ให้ช่วยเหลือ 



พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผู้กำกับการกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ยืนยันว่า การดำเนินการไม่มีการกลั่นแกล้ง หรือใส่ร้ายใคร มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมา มีเจ้าหน้าที่รวม 6 นาย แบ่งการทำงานออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ชุดวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน กับ ชุดลงพื้นที่สืบสวนภาคสนาม หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด มีความน่าเชื่อถือว่า อดีตเจ้าอาวาสมีการยักยอกเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว ทั้งนำไปให้บุคคลอื่นในวัดใช้ และนำไปใช้ในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างการเล่นการพนัน


ด้าน พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ ผู้กำกับการ 5 บก.ปปป. ระบุว่า หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การตรวจสอบบัญชีย้อนหลังตั้งแต่ ปี 2564 มีเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท ล่าสุดมีการขยายผลตรวจบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องทั้งของวัดและมูลนิธิจำนวน 51 บัญชี , บัญชีส่วนตัวของ "ทิดแย้ม" อีก 21 บัญชี และ น.ส.อรัญญาวรรณ อีก 12 บัญชี โดยมุ่งเน้นไปที่เงินหมุนเวียนของ น.ส.อรัญญาวรรณ ที่เป็นผู้รับผลประโยชน์ โดยพบว่าตั้งแต่ปี 2559 ตรวจเจอบัญชีมีเงินหมุนเวียนทั้งหมดกว่า 2,000 ล้านบาท มีช่องทางการรับเงิน 4 ช่องทาง คือ ฝากเงินสดเข้าบัญชี , รับโอนเงินจากอดีตเจ้าอาวาสโดยตรง , โอนเงินจากพระเอกพจน์ คนสนิทของ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ รับโอนเงินจากนายชัชชัย (สงวนนามสกุล)  



พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวว่า บัญชีวัดพบความผิดปกติหลายรายการ น่าจะเป็นการทำบัญชีไม่โปร่งใสยกตัวอย่าง เช่น การเปิดเช่าร้านค้างานประจำปี ซึ่งหนึ่งปีจะมีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท โดยเดิมทีมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร แต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีการนำเงินสดทั้งหมดไปมอบให้กับเจ้าอาวาส โดยรวมประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบเงินจากกฐินเข้าบัญชีเจ้าอาวาสอีก 20 ล้านบาท และยังมีเงินจากวัตถุมงคล ซึ่งยังไม่ระบุจำนวนแน่ชัด จากการตรวจสอบพบผู้เกี่ยวข้อง 2 คน ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน โดยที่มาที่ไปในการเปิดร้านค้าสวัสดิการ เป็นที่น่าสงสัย ซึ่ง ป.ป.ท.จะต้องไปตรวจสอบในเชิงลึกและติดตามทรัพย์สินต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :


ด้านนายบุญเชิด กิตติรางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยว่า วัดทั่วประเทศกว่า 40,000 แห่ง ในปัจจุบันมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว โดย พศ.จะจัดตั้งกองส่งเสริมการจัดการสาธารณสมบัติของวัด ควบคู่กับ กองกฎหมาย และกองกิจการในตำรวจสังฆราช ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิ.ย.68 โดยทั้ง 3 กองนี้จะมีภารกิจตามกฎหมายอย่างชัดเจน และมีโครงสร้างรองรับในการแก้ไขปัญหาการจัดการทรัพย์สินวัดในเชิงลึก 

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ไม่ใช่ภาพสะท้อนของคณะสงฆ์หรือวัดโดยรวม พร้อมยืนยันว่า วัดยังคงเป็นสมบัติของชุมชนและของแผ่นดิน เช่นกรณีวัดไร่ขิง ก็ยังต้องเดินหน้าต่อในฐานะศูนย์กลางจิตใจของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยกันดูแลรักษาวัดให้คงอยู่เป็นสมบัติของชาติต่อไป



ส่วนกรณี "หมอเตยและสามี" เป็นเรื่องที่ตรวจสอบรายละเอียดลึกลงไป พบว่าทั้งคู่ได้เข้ามารู้จักกับเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี 2551 โดยพบว่า หมอเตยเป็นหมอดูร่างทรงไม่ใช่หมอ และยังพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลกับ "ทิดแย้ม" อย่างมากในการบริหารจัดการภายในวัด โดยสิ่งที่พบคือร้านค้าสวัสดิการในวัด มีคนมาร้องว่าไปซื้อกาแฟ แต่บัญชีในการสแกนไม่ใช่ชื่อของวัดแต่เป็นชื่อของบุคคล ซึ่งก็จะต้องสืบสวนดำเนินการต่อ ตอนนี้ยังหาพยานหลักฐานไม่ได้ว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันหรือไม่ นอกจากนี้ยังพบอีกว่าตั้งแต่ปี 51 มีผู้ชาย 5 คนเข้ามาเกี่ยวข้องกับหมอเตยอีกเช่นกัน แต่ยังไม่ทราบตอนนี้ว่ามีความสัมพันธ์ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน  

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat