รู้จัก “ทราย สก๊อต” อควาแมนเมืองไทย ผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อทะเล

รู้จัก “ทราย สก๊อต” อควาแมนเมืองไทย ผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อทะเล

71122 เม.ย. 68 13:23   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

รู้จัก “ทราย สก๊อต” ทายาทรุ่นที่ 4 “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น” สู่ผู้พิทักษ์ท้องทะเล

(เรียบเรียงโดย อพัชชา ทองสนิท และ กัญญาณัฐ อาศัย)

ทราย สก๊อต หรือ สิรณัฐ สก๊อต อายุ 28 ปี เป็นลูกครึ่งไทย–สก็อตแลนด์ และเป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของ “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น” อีกทั้งยังเป็นหลานของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด

 

หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านแอนิเมชันจาก California Institute of the Arts ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้จะเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจ แต่ทรายเลือกที่จะอุทิศตนให้กับทะเลที่เขารัก

 

เขาเริ่มต้นการทำงานอนุรักษ์อย่างจริงจังตั้งแต่อายุเพียง 20 ปี ด้วยการก่อตั้งโครงการ “Sea You Strong” จากทุนส่วนตัว เพื่อชวนชุมชนชายฝั่งภาคใต้ร่วมกันเก็บขยะและฟื้นฟูชายหาด

 

ในปี 2565 ทรายกลายเป็นที่รู้จักและได้รับฉายาว่า “อควาแมนเมืองไทย” หลังจากว่ายน้ำข้ามทะเลจากอ่าวนางถึงเกาะปอดะและกลับ รวมระยะทางเกือบ 30 กิโลเมตร โดยใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง

 

นอกจากนี้ ทรายยังใช้ความสามารถที่เรียนมา ถ่ายทอดเรื่องราวทะเลผ่าน หนังสั้น “Merman” ที่เขารับบทเป็นมนุษย์เงือก ถ่ายทอดทั้งความงามและปัญหาขยะใต้ท้องทะเล เพื่อกระตุ้นสังคมให้ตระหนักถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น

 

ด้วยทักษะด้านภาษาและมุมมองแบบคนรุ่นใหม่ เขาได้รับการชักชวนจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้มาร่วมงานในฐานะ ที่ปรึกษาอธิบดี โดยเริ่มปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567

 

ระหว่างดำรงตำแหน่ง ทรายได้ลงพื้นที่จริง เพื่อดูปัญหาด้วยตัวเอง และใช้โซเชียลมีเดียเป็นกระบอกเสียงสะท้อนปัญหา โดยเฉพาะเรื่องสิทธิแรงงานของเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ที่ยังมีรายได้น้อยและไม่มีหลักประกันชีวิต แม้ต้องทำงานที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง

 

เมื่อไม่นานมานี้ เขากลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่มีปากเสียงกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่แสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติบนเรือกลางทะเลไทย ด้วยคำว่า “หนี่ห่าว” ทรายออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่า “แม้เขาจะมาเที่ยวประเทศเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิทธิ์เหยียดคนไทย”

 

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว ทรายตัดสินใจยุติบทบาทในกรมอุทยานฯ พร้อมโพสต์ข้อความไว้ว่า

“ผมเลือกที่จะเสียสละงานที่ผมรักกับตำแหน่งของผม เพื่อโอกาสที่จะสะท้อนเรื่องจริงของปัญหาทะเลทางภาคใต้… เหนือกว่าตำแหน่งของผม คือความรักที่ผมมีต่อทะเล ขอบคุณสำหรับทุกประสบการณ์ และผมเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เสมอ”

 

จากบทสัมภาษณ์ล่าสุด ทรายได้เปิดเผยถึงแผนในอนาคตว่า เขามีความตั้งใจจะก่อตั้งมูลนิธิด้านการอนุรักษ์ทะเลไทย เพื่อสานต่อความฝันและความรักที่เขามีต่อทะเล เพราะเขามองว่าทะเลคือ "บ้าน" เป็นพื้นที่ที่เขาอยากดูแล ปกป้อง และส่งต่อความสวยงามนี้ให้กับคนรุ่นหลัง

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat