กกต.ยกคำร้องสนามบุรีรัมย์ ไม่พบพรรคการเมืองเอี่ยวเลือก สว.ระดับจังหวัด

กกต.ยกคำร้องสนามบุรีรัมย์ ไม่พบพรรคการเมืองเอี่ยวเลือก สว.ระดับจังหวัด

86922 พ.ค. 68 13:28   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

กกต.ยกคำร้อง ไม่พบมีพรรคการเมืองเข้าแทรกแซงจ้างคนลงเลือก สว.กลุ่มสื่อมวลชนในระดับจังหวัด ที่ จ.บุรีรัมย์

(22 พ.ค. 68) เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่คำวินิจฉัยกกต. ยกคำร้องการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับจังหวัดของจ.บุรีรัมย์ กรณีก่อนประกาศผลการเลือก นายบุรี ราดแก้ว นายวิเชียร เศษสุวรรณ นายไสว ชนิดนอก น.ส.เบญจมาศ อุมมะลี น.ส.ปริญญา ดาบรัมย์ นายถาวร ภูมิไธสง นายบุญร่วม แตบไธสง ผู้ถูกร้องที่ 1-7


ซึ่งผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด กลุ่มที่ 18 สื่อสารมวลชน ถูกร้องว่ากระทำการให้ สัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ เพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัครเข้ารับเลือกเป็นสว. หรือถอนการสมัคร หรือจูงใจให้ผู้สมัคร หรือผู้มีสิทธิเลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้ผู้ใดตามมาตรา 77 (1) และมาตรา 81 และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือก เพราะไม่ใช่บุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์ทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี ตามมาตรา 11 (18) และ74 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสว.2561


โดยกกต.ระบุเหตุผลว่า ข้อเท็จจริงที่ได้มาจากการไต่สวนฟังได้ว่า ผู้ร้องเพียงแต่เชื่อว่ามีกลุ่มผลประโยชน์หรือพรรคการเมืองจัดตั้งกลุ่มผู้สมัคร หรือว่าจ้างให้บุคคลใดสมัครรับเลือกเป็นสว. ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้อง และถ้อยคำของผู้ร้องแล้วเห็นว่าเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ที่ไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนให้รับฟังได้เช่นนั้น


อีกทั้งผู้ถูกร้องทั้งหมดให้การสอดคล้องกันว่า สมัครเป็นสว.ด้วยความสมัครใจ ใช้เงินส่วนตัวชำระค่าสมัคร ไม่ได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้สมัครหรือว่าจ้างให้สมัครรับเลือกเป็นสว. และมีพยานไต่สวนประกอบคนที่ 1-28 ซึ่งเป็นผอ.การเลือกระดับอำเภอ ผู้สมัครรับเลือกเป็นสว.ระดับอำเภอ ผู้นำชุมชน ประชาชนในจ.บุรีรัมย์ ก็ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่เคยทราบข่าวว่ามีกลุ่มผลประโยชน์หรือพรรคการเมืองจัดตั้งกลุ่มผู้สมัคร หรือว่าจ้างให้บุคคลใดมาสมัครรับเลือกเป็นสว.


และไม่พบว่ามีผู้นำชุมชนคนใดนำบุคคลมาสมัคร และไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1 ถึง 7 กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 77 (1) แและมาตรา 81


ส่วนที่ร้องว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 ไม่มีคุณสมบัติในการลงสมัครนั้น จากการไต่สวนผู้ร้องที่ 1-7 ให้ถ้อยคำยืนยันว่า ตนเองมีคุณสมบัติในการลงสมัคร อาทิ ผู้ถูกร้องที่ 1 ประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยโฆษกมัคทายกวัด มากว่า 11 ปี


ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นหมอสู่ขวัญ เป็นปราชญ์ชาวบ้าน มาตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน ผู้ถูกร้องที่ 3 เป็นนักร้องหมอลำมากว่า 20 ปี ผู้ถูกร้องที่ 4 และ 5 เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข่าวสารเกี่ยวกับสาธารณสุขมาตั้งแต่ปี 2554


ผู้ถูกร้องที่ 6 ประกอบอาชีพรับจ้างถ่ายภาพโฆษณาประชาสัมพันธ์ ผ่านรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง มากว่า 10 ปี และผู้ถูกร้องที่ 7 ประกอบอาชีพรับจ้างรถแห่ประชาสัมพันธ์นานกว่า 10 ปี


และพยานประกอบคนที่ 1-12 ซึ่งเป็นผอ.การเลือกระดับอำเภอ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.คูเมือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ให้ถ้อยคำสอดคล้องว่า ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครเป็นสว.ตามแนวทางที่สำนักงานกกต.ได้กำหนดจากใบสมัครรับเลือกเป็นสว. (สว.2) ข้อมูลแนะนำตัวของผู้สมัคร (สว.3) หนังสือรับรองความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ หรือการทำงานในกลุ่มที่สมัคร (สว.4)


รวมทั้งมีหนังสือถึงหน่วยงานสนับสนุนการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสว.ของผู้สมัครทุกคน ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 ไม่มีคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามจึงได้รับสมัคร และผอ.เลือกระดับอำเภอ ได้ประกาศบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกแยกเป็นรายกลุ่ม ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาทั้งสว. มาตรา 21


ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามกรอบหน้าที่และอำนาจของผอ.การเลือกระดับอำเภอ เชื่อได้ว่ากรณีจึงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 1-7 มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์การทำงานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปี และไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นที่ยืนยันว่ามีการกระทำฝ่าฝืนตามข้อกล่าวหา



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat