หญ้าหวานไม่ได้ผล กัมพูชาโปรยยาหอม ตั้งหน่วยรับลงทะเบียนจัดหางานหน้าด่าน ขณะแรงงานเมิน เผยอยากทำงานในไทยรายได้ดีกว่า
หญ้าหวานไม่ได้ผล กัมพูชาโปรยยาหอม ตั้งหน่วยรับลงทะเบียนจัดหางานหน้าด่าน ขณะแรงงานเมิน เผยอยากทำงานในไทยรายได้ดีกว่า

หญ้าหวานไม่ได้ผล กัมพูชาโปรยยาหอม ตั้งหน่วยรับลงทะเบียนจัดหางานหน้าด่าน ขณะแรงงานเมิน เผยอยากทำงานในไทยรายได้ดีกว่า ด้านนายจ้างวอนทั้งสองฝ่ายเร่งเจรจาหาทางออก หวั่นเศรษฐกิจภาคเกษตรพัง
(17 มิ.ย.68) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อนจันทบุรี โดยที่บริเวณหน้าด่านเช้าที่ผ่านมา ทางกัมพูชาและทางฝั่งไทยยังคงปิดประตูเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาที่กำหนด โดยฝั่งไทยมีกำหนดเปิดประตูใหญ่ ในเวลา 8:00 น. ตรงส่วนทางกัมพูชาจะเปิดประตูในเวลา 09.00 น. ซึ่งจะเหลื่อมจากเวลาของไทยประมาณ 1 ชั่วโมง
จนเมื่อเวลา 8:00 น. ตรงทางเจ้าหน้าที่ประจำด่านได้ร่วมเข้าแถวเคารพธงชาติ ก่อนทำการปลดกุญแจเปิดประตู หน้าด่านตามเวลาที่กำหนด ท่ามกลางสื่อมวลชนและ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าร่วม สังเกตการณ์ ซึ่งบรรยากาศโดยรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่บริเวณหน้าด่าน ด้านฝั่งกัมพูชาเมื่อมองลอดเข้าไปยังประตูเหล็กพบการใช้ชีวิตตามปกติ มีรถขนถ่ายสินค้าเวียนเข้าออก ตลอดจนเจ้าหน้าที่หน้าด่านเดินตรวจตราเฝ้าสังเกตการณ์ต่อเนื่อง
ขณะนี้ผู้สื่อข่าวยังคงปักหลักรอจนเวลา 9:00 น.เป็นต้นมา ทางกัมพูชายังไม่มีการเปิดประตูใหญ่หน้าด่านเช่นเดิม โดยเปิดเพียงประตูเล็ก เพื่อให้แรงงานชาวกัมพูชาเดินทางผ่านเข้า ตม.เพื่อยื่นเอกสารทั้งขาเข้า และขาออกต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากการสังเกตสถานการณ์ในวันนี้ พบว่ามีชาวกัมพูชาในส่วนแรงงาน โดยเฉพาะภาคการเกษตร ทะลักเข้าแถวต่อคิวรอยื่นเอกสารเข้าทำงานฝั่งไทย จนแน่นเต็มสะพาน ขณะเดียวกันยังมีแรงงานบางส่วนที่ตื่นตัวจากกระแสข่าวที่ทางรัฐบาล อาจจะปิดด่านและเรียกกลับประเทศ ต่างพากันขนข้าวของเครื่องใช้ขนาดใหญ่สัมภาระเดินทางกลับเข้าประเทศ
นอกจากนี้ยังพบว่า ที่บริเวณหน้าด่านฝั่งกัมพูชา ได้มีรถตู้สำนักงานจัดหางานของกัมพูชา มาตั้งโต๊ะออกหน่วยเปิดให้บริการแรงงาน ที่ประสงค์จะกลับมาทำงานในประเทศ หรือเกรงว่าฝั่งไทยจะส่งตัวกลับ แต่ภาพที่ปรากฏกลับพบว่าแรงงานเดินผ่านแดน กลับเมินไม่ได้ให้ความสนใจ เข้าไปลงทะเบียน เพียงรีบขนของขึ้นรถที่ญาติมารอรับ
จากการสอบถาม นายพิสิทธิ์ อายุ 37 ปี นายจ้างแรงงาน เหมาสวนมังคุด เปิดเผยว่า จากกระแสข่าวลือที่กัมพูชาเผยแพร่ทางโซเชียล ทำให้แรงงานของตนตื่นตัว พากันขอเดินทางกลับบ้าน จากเดิมที่มีแรงงานอยู่ประมาณ 30 คน มีขอกลับบ้านแล้วกว่า 10 คน ส่งผลทำให้การประกอบการเหมาสวนมังคุดที่เหมาไว้ 9 แปลงคิดเป็นเงินประมาณ 3 ล้านบาท เกือบต้องหยุดชะงัก เพราะแรงงานไม่เพียงพอกับผลผลิตมังคุดที่กำลังสุกช่วงพีกของฤดู ส่งผลทำให้มังคุดดำกลายเป็นตกเกรด
และยังต้องมาเจอทางกัมพูชาที่เป็นตลาดล่างรับซื้อมังคุดดำปิดด่านห้ามนำเข้าผลผลิตไทย โดยเฉพาะจันทบุรี ส่งผลทำให้ตนประสบกับภาวะขาดสภาพคล่อง ไม่มีที่จำหน่าย จึงอยากให้รัฐบาลทั้งสองฝ่าย เร่งเจรจาหาทางออกเกรงหากปล่อยไว้แบบนี้อาจทำให้เศรษฐกิจภาคเกษตรในภาพรวมพัง
ขณะที่ นาง เทน อายุ 48 ปี แรงงานกัมพูชา บอกว่า ได้เข้ามาทำงานรับจ้างเก็บเงาะฝั่งไทยได้ 1 ปี เดิมทีอยู่บ้านที่กัมพูชา มีอาชีพทำนามีรายได้ไม่มากนัก แต่เมื่อหมดหน้าทำงาน จึงออกข้ามประเทศเข้ามาทำงานรับจ้างที่ฝั่งไทย พร้อมกับครอบครัว มีรายได้ต่อคน ตกวันละ 300 – 400 บาท ซึ่งจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาจะเรียกคนกลับประเทศ ตนก็รู้สึกวิตก ใจจริงอยากทำงานที่ฝั่งไทยต่อ เพราะมีรายได้ดี นายจ้างดี มีที่พักอาศัย อาหารการกินที่ดี ตลอดจนสวัสดิการต่างๆที่แรงงานได้รับ ทั้งนี้จึงอยากวอนให้ภาครัฐทั้งสองประเทศ หาข้อยุติโดยเร็ว เพื่อที่สานสัมพันธ์เหมือนเดิม แรงงานจะได้มีงานทำ เศรษฐกิจการค้าขายจะได้เดินหน้าต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองกำลังบูรพาเข้มงวด! ห้ามคนไทยที่ทำงานในบ่อนปอยเปต เดินทางออกผ่านทุกด่าน19 มิ.ย.นี้