ภรรยาจ่อฟ้อง เจอสามีตำรวจ โผล่คลิปขายสบู่แม่ค้าดาวติ๊กต็อก

ภรรยาจ่อฟ้อง เจอสามีตำรวจ โผล่คลิปขายสบู่แม่ค้าดาวติ๊กต็อก

138008 ต.ค. 67 17:26   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ภรรยาถือทะเบียนสมรส แฉสามีสารวัตร โผล่คลิปขายสบู่แม่ค้าดาวติ๊กต็อก จ่อฟ้อง ด้านแม่ค้าอ้าง ทำคอนเทนต์

(8 ก.ย. 67) จากกรณี ภรรยา จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ออกมาแฉสามี ซึ่งเป็นถึงตำรวจระดับสารวัตร โผล่คลิปนุ่งกระโจมอก ถูตัวโชว์ ขายสบู่ แม่ค้าเจ้าของแบรนด์ในติ๊กต็อก และเตรียมจ่อฟ้อง ขณะที่สอบถามทางแม่ค้า อ้างว่าเป็นการจ้างงานและทำคอนเทนต์ 


นางสาวบีม อายุ 39 ปี ภรรยา จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เล่าว่า เธอเริ่มระแคะระคายสามีช่วงประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่ช่วงที่เธอเริ่มตั้งครรภ์ และสังเกตว่าสามีมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เริ่มถอยห่างและไม่กลับบ้าน ติดต่อไม่ค่อยได้และไม่รับโทรศัพท์ 


ส่วนคลิปไลฟ์ขายสบู่ที่เป็นประเด็นนั้น เธอเห็นครั้งแรกผ่านช่องทางขายสินค้าในโซเชียล ก็คุ้น ๆ ว่าคล้ายสามีเธอจัง ก่อนจะไปค้นหาในโซเชียลจนพบ จึงเข้าไปดูและแน่ชัดว่าคนในภาพเป็นสามีของเธอหรือไม่ ซึ่งมองว่าลักษณะไม่ใช่ตัวตนของสามี เพราะสามีมักจะรับงานลุย ๆ หรือเกี่ยวกับผู้ชายมากกว่า 


จนกระทั่งเริ่มสังเกตเห็นว่า มีการพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ แล้วรู้สึกว่าสนิทกันเกินไปจนเริ่มสงสัยและสังเกตพฤติกรรมต่อเนื่องมาอีก 


ยอมรับว่า ผู้หญิงอีกคนหนึ่งกับสามีมีการพูดคุยกันเชิงชู้สาว ซึ่งพบว่า คลิปในช่องทางโซเชียลคอนเทนต์ยังอยู่ในขอบเขต แต่พอได้มาเห็นใน เฟซบุ๊กส่วนตัวรู้สึกว่าไม่ใช่ และวิธีการลงคลิปวิดีโอรู้สึกเกินเลย มีการทำคอนเทนต์แต่มีน้ำเสียงของสามีของเธอทุกคลิป มีการถึงเนื้อถึงตัวและสนิทสนมกันมากกว่าลูกน้องในทีม หรือหัวหน้ากับนายจ้าง 


จากนั้นเธอได้ติดต่อไปทางเจ้าของแบรนด์ ทีแรกได้พูดคุยกันทางแชตไลน์ พยายามโทรหาแต่ไม่ได้รับสาย เธอพยายามสอบถามว่ารู้จักสามีเธอหรือไม่ เพราะเห็นทำคลิปในโซเชียล มีความสัมพันธ์กันลักษณะแบบไหน ตนจึงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย และขออนุญาตสอบถามว่าเป็นอะไรกับสามีเธอ 


จนได้รับคำตอบว่า มีการจ้างให้สามีเธอรับงานขายสินค้า ทีแรกเธอเชื่อ แต่พอวันหนึ่งได้ค้นเจอมากกว่านั้นก็เริ่มไม่เชื่อ เพราะทุกคลิปทุกเสียงและข้อความ ส่อว่าเป็นสามีภรรยากัน เธอไปอ่านแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสม ต้องการเคลียร์ และได้รับคำตอบมาว่าเป็นคอนเทนต์


ส่วนตัวจึงมองว่าไม่ใช่และพยายามสอบคอนเทนต์อย่างไรลักษณะแบบนั้น พยายามจะเรียกฝ่ายชายมาคุยแต่ก็ติดต่อไม่ได้ ไปที่ทำงานก็ไม่พบ หลังเกิดเหตุยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยแบบพบปะกับสามี ซึ่งวันนั้นเธอจึงไปกับพี่สาว เพื่อยื่นข้อเสนอและยื่นข้อตกลงกับสามี ว่าจะรับผิดชอบลูกเอง 


โดยจะขอค่าเลี้ยงลูกบุตร เดือนละ 8,000 บาท ส่วนเรื่องการหย่าขอ 500,000 บาท แล้วจบเรื่อง 


ซึ่งข้อเสนอที่เอามายื่น สามีได้บอกผ่านคนกลางมาว่า "ไม่ตกลงหากอยากได้ให้ไปฟ้องเอา" ส่วนตัวมองว่าการที่สามีเอาคนอื่นไปชูหน้าชูตาแทนรู้สึกรับไม่ได้และขอดำเนินการเรื่องนี้ 


ส่วนเงินด้านการพนันที่สามีเคยช่วยเหลือ ยอมรับว่าเคยช่วยเหลือจริง อ้างว่าเป็นหลักแสนต้น ๆ (ไม่ใช่หลักแสนหรือหลักล้านตามที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งอ้าง ) แล้วเคลียร์ให้จบเพื่อให้เธอย้ายจากต่างจังหวัดมาอยู่ที่กรุงเทพ จะได้ไม่ต้องขับรถไปมาหาสู่กันอีกแล้ว เธอเคยเล่นการพนันจริงแต่เคยเล่นตั้งแต่ก่อนมาอยู่ที่กรุงเทพ ช่วงประมาณสามปีที่แล้ว ทุกวันนี้ยินเลิกเล่นการพนันแล้ว ทำงานคนเดียวหาเงินให้ลูก


ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับ สามี อายุ 39 ปี เล่าด้วยสีหน้าแววตาที่เครียดและตัดพ้อ ว่า เรื่องราวเริ่มมาจาก ตนเองได้จดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนึ่ง และดูแลทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งทำ แต่กลับถูกภรรยาย้อนเกล็ดกลับทุกเรื่อง กล่าวหาว่าตนเองไม่ดูแลลูก จะให้ตนเองมาขลุกอยู่กับลูก อุ้มลูกตลอด หรือกลับแฟลตตลอดก็ไม่ได้ เพราะตัวเองถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายภรรยา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อกัน และศาลยกฟ้องไปแล้วครั้งหนึ่ง ตนเองก็สงสัยว่าใครเป็นคนทำร้ายภรรยา ร่องรอยบาดแผลมาจากไหน 


สารวัตรกล่าวว่า อย่ามาอ้างว่าฝ่ายชายเจ้าชู้เพราะมีข้อตกลงแต่แรกอยู่แล้ว และภรรยารู้แต่แรกอยู่แล้วก่อนจดทะเบียนสมรส ว่าตนเองสามารถมีภรรยาได้อีกหนึ่งคน และต้องส่งเสียเงินเดือนละ 5000 บาท ซึ่งตัวเองมีสเตทเมนต์ทั้งหมด


ส่วนที่มาทำคลิปและเป็นประเด็นนั้น อ้างว่า เพราะตนเองเอาเงินให้ภรรยาไปจนเงินเดือนตัวเองเหลือเพียง 7000 บาท ตนเองทำเพราะทำมาหากินจริง ๆ อย่ามองว่าทำอย่างอื่น ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องขอโทษสังคมด้วย หากทำแล้วมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ แต่ทำนอกเวลาราชการ


สารวัตรกับภรรยา รู้จักกันผ่านแอปหาคู่ และคบกันได้ประมาณสามเดือนก็จดทะเบียนสมรส อ้างเพราะสงสาร ซึ่งตั้งแต่ ช่วงกลางปี 2565 ตนเองจะเทียวไปเทียวมาโคราช-กรุงเทพอยู่บ่อย ๆ ก่อนจะตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพนั้น ภรรยาอ้างว่า เป็นหนี้สหกรณ์ฯ ต้องใช้จ่ายหนี้ก่อนถึงจะย้ายมาที่กรุงเทพได้ ตนเองจึงทำทุกทางเพื่อหาเงินช่วยภรรยา


หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องหย่าเพราะภรรยาก็มีผู้ชายคนอื่น และเคยพลั้งมือทำร้ายร่างกายไปหนึ่งครั้ง ประมาณกลางเดือนปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มรู้จักกับนางสาวแอน และจากนี้ ตนกับภรรยาก็คงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว จนถึงวันนี้อยากเลิกกันด้วยดี ตลอดที่ผ่านมาตนเองดูแลมาตลอด ซึ่งสาเหตุที่ตนเองถอยห่างมา เพราะภรรยามักชอบกรีดร้องและกล่าวหาว่าตนเองทำร้ายร่างกาย แต่อ้างว่าเคยทำเพียงครั้งเดียว 


อยากให้เป็นบทเรียนว่า หากจะจดทะเบียนสมรสกับใครให้รู้จักดีก่อนและให้รักด้วยความจริงใจก่อน อย่าหลงระเริงกับคำหวานและทำให้ตัวเองต้องมาเดือดร้อนทีหลัง


สามีเปิดเผยด้วยสีหน้าแววตาเศร้า บอกว่าที่ผ่านมา ตนเองพยายามทำงานอย่างสุจริต และเริ่มต้นชีวิตการเป็นตำรวจตั้งแต่ยศนายสิบ มีการสอบและช่วยเหลือตัวเองมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ส่วนรายได้เสริมนั้น มาจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่มักจะให้ความเอ็นดูและเรียกใช้งาน จนทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และนำมาให้กับภรรยา ซึ่งตนเองมีลูกกับภรรยาหนึ่งคนและมีลูกติดอีกสองคน ถึงแม้จะเลิกกับภรรยาคนก่อนหน้านี้ไปแล้วแต่ก็ยังคงดูแลลูกในฐานะพ่อคนหนึ่ง ซึ่งลูกมองว่าตัวเองเป็นไอดอล ที่ผ่านมาถึงแม้จะเลิกกับภรรยาแต่ก็ยังคงดูแลลูก และเป็นลูกผู้ชายมาตลอด

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง