ปลอมเป็นพระ ขโมยเงินวัด 2 ครั้งรวม 4 แสนบาท ตำรวจเร่งล่าตัว

ปลอมเป็นพระ ขโมยเงินวัด 2 ครั้งรวม 4 แสนบาท ตำรวจเร่งล่าตัว

134517 เม.ย. 68 19:23   |     Tum1

โจรห่มเหลืองปลอมเป็นพระ ขโมยเงินวัด 2 ครั้งรวม 4 แสนบาท เจ้าอาวาส วอนหากสำนึกให้เอามาคืน แต่ถ้าเอาไปใช้เลี้ยงดูครอบครัวแล้วก็ไม่เป็นไร แค่ให้มาบอกด้วย

(17 เม.ย.68) ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีเพจ วารินชำราบบ้านเฮา อุบลราชธานี โพสต์คลิปภาพวงจรปิดชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ เดินลงจากกุฏิ พร้อมกระเป๋าผ้า ภายในมีเงินสดจำนวน 300,000 บาท ระบุข้อความ "ปลอมเป็นพระ ขโมยเงินที่กุฏิพระอาจารย์ ความเสียหาย 3 แสนกว่าบาท รอบที่ 2 แล้ว ครั้งก่อน แสนบาท เหตุเกิดประมาณเช้าวันที่ 5 เม.ย.68 ช่วงงานบุญ ณ วัดไตรสิกขาโชติปัญญาราม บ.นาดู่ ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลฯ"

โดยระบุข้อมูลด้วยว่า เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ปฎิบัติธรรมครั้งแรก พระวัดดังกล่าว ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากหลวงพ่อสมภพ (พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ วัดไตรสิกขาทลามลตาราม อ.คำตากล้า จ.สกลนคร) เตรียมปัจจัยที่จะจ่ายค่าฟางปูพื้นสถานที่ และค่าใช้จ่ายปฏิบัติธรรม 100,000 บาท เงินก็หาย 100,000 บาท และเมื่อวันที่ 5 เม.ย.68 ที่ผ่านมานี้ เป็นวันแรกของการปฎิบัติธรรม ช่วงประมาณตอนเช้า พระรวมตัวกันออกบิณฑบาต ในกล้องวงจรปิดได้เห็นชายคนหนึ่งแต่งตัวเลียนแบบพระสงฆ์ เข้าไปบุกกุฏิเจ้าอาวาส ได้ขโมยเงินค่าทำโรงครัวไปถึง 300,000 บาท ตอนที่เจ้าอาวาสกลับไปถึงกุฏิ หลังจากกิจวัตรในงานปฎิบัติธรรมช่วงเช้าเสร็จ ได้เห็นกุญแจที่ตัวเองซ่อนไว้ไม่อยู่ที่เดิม จึงรู้ว่าปัจจัยที่จะสร้างโรงครัวโดนขโมยไปแล้ว



ล่าสุด พ.ต.ท.สุรชาติ ยอดคำ สารวัตร(สอบสวน) ชุดสืบสวน สภ.นาเยีย ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในวัดไตรสิกขาโชติปัญญาราม บ.นาดู่ ต.นาดี อ.นาเยีย ตามที่ระบุไว้โดยมี พระมหาหนูกาญจน์ เจ้าอาวาสวัด เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ทราบเรื่องว่าเงินหายเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ของวันที่ 5 เม.ย.68 หลังกลับมาจากกิจกรรมสรงน้ำ พระอาจารย์สมภพ โชติปญฺโญ พระนักปฏิบัติชื่อดังทางภาคอีสาน

เมื่อกลับมาถึงกุฏิ พบว่า กุญแจกุฎิที่ซ่อนไว้บนเก้าอี้นั่งหน้าห้องออกมาอยูด้านนอก จึงได้เปิดประตูเข้าไปดูความผิดปกติภายในกุฏิ ปรากฏว่ากระเป๋าผ้าที่ใส่เงินสดเตรียมไว้จ่ายค่าอุปกรณ์ก่อสร้างโรงครัวจำนวน 300,000 บาท หายไป แต่ตอนนั้นตนยังไม่ว่างที่จะมาไล่ดูกล้องวงจรปิด กระทั้งเมื่อคืนวันที่ 16 เม.ย.68 เวลาประมาณ 20.00 น.ตนมานั่งไล่ดูกล้อง พบว่า มีชายแต่งกายคล้ายพระสวม หมวกไหมพรม ลงจากกุฏิพร้อมกระเป๋าผ้า ที่ใส่เงินไว้ ตอน 08.10 น.ของวันที่ 5 เม.ย.68



จากการดูคลิปอย่างละเอียดแล้ว ตนไม่คุ้นหน้า และคิดว่าไม่น่าจะเป็นพระจริง เนื่องจาก ไม่ใส่อังสะ (ผ้าที่พระภิกษุสามเณรใช้ห้อยเฉวียงบ่า) และช่วงนี้อากาศร้อน ไม่มีพระที่ไหนใส่หมวกไหมพรม ประกอบกับหัวไหล่ที่อยู่ด้านนอกผ้าจีวร มีผิวขาวผิดปกติ หากเป็นพระจริง หัวไหลที่พ้นออกมาจากจีวร จะเป็นรอยไหม้ชัดเจน


พระมหาหนูกาญจน์ เล่าอีกว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.67 วันนั้นเป็นวันที่กิจกรรมปฏิบัติธรรม มีพระสงฆ์และญาติโยมมาร่วมกิจกรรมจำนวนมาก มีคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใครเข้ามาที่กุฏิของพระอาจารย์สมภพ ขโมยเงินสดที่เบิกมาจ่ายค่าฟางแห้ง สำหรับปูพื้นให้ผู้ปฏิบัติธรรม จำนวน 100,000 บาทไป ซึ่งครั้งนั้นก็ไม่ได้มีการแจ้งความแต่อย่างใด ถือว่าเป็นกรรมที่ตนเก็บรักษาไม่ดี ความเสียหายทั้ง 2 ครั้ง รวม 400,000 บาท



หลังจากนั้น จึงได้มีการติดกล้องวงจรปิดและล็อกประตูหน้าต่างอย่างดี ก็ไม่คิดว่าครั้งนี้จะมาโดนที่กุฏิของตน หลังเกิดเหตุได้เล่าให้เรื่องที่เกิดขึ้นให้กับญาติโยมฟัง และแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามคนร้าย เบื้องต้นพระมหาหนูกาญจน์ บอกว่า ไม่ติดใจหรือถือโทษโกรธคนร้าย เพราะโจรก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่หากว่าเห็นข่าวมีจิตใจสำนึก ก็ขอให้เอามาคืน จะมากจะน้อยก็ไม่ว่า หรือหากเอาไปใช้เลี้ยงดูครอบครัวลูกหลานแล้วก็ไม่เป็นไร ขอให้มาบอกกันนิดหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความผิดของตนด้วยที่ประมาท



ทางด้านคดี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ นำภาพวงจรปิดที่เก็บได้โดยรอบนำไปเปรียบเทียบ กับผู้ต้องโทษในพื้นที่และส่งให้กับเครือข่ายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในการตรวจสอบ เพราะเชื่อว่า คนร้ายน่าจะเป็นคนที่รู้ความเคลื่อนไหวของทางวัดเป็นอย่างดี เพราะเลือกลงมือในช่วงที่ทางวัดมีกิจกรรม มีคนมาจำนวนมาก แฝงตัวเข้ามาก่อเหตุ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat