'ทรัมป์' เล็งคุย 'ปูติน' ขอซื้อแร่ธาตุรัสเซีย ขณะที่ 'ยูเครน' ยอมขายแร่หายากให้สหรัฐฯ

26 ก.พ. 68 สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งยืดเยื้อมากว่า 3 ปีแล้ว โดยประธานาธิบดีของสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขอเป็นตัวกลางเพื่อเจรจากับทั้ง 2 ฝ่าย นับตั้งแต่ก้าวขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯอีกสมัย อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในข้อตกลงสำคัญที่นายทรัมป์ เสนอต่อยูเครน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือและการันตีความมั่นคงก็คือ แร่หายากของยูเครน

ล่าสุดมีรายงานล่าสุด ประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ยอมตกลงกับข้อแลกเปลี่ยนดังกล่าวแล้ว โดยบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหรัฐฯ ในการให้สิทธิ์เข้าถึงแร่ธาตุหายาก เพื่อชดเชยการสนับสนุนทางทหารและการเงินที่สหรัฐฯ ที่มอบให้กับยูเครนตั้งแต่สงครามกับรัสเซียเริ่มต้นในปี 2565 โดยยูเครนตกลงส่งมอบรายได้จากแร่ในอนาคต 50% ให้กองทุนร่วมที่ทั้งสองประเทศต้องจัดการดำเนินการ

แฟ้มภาพ : แร่หายาก REEs

แฟ้มภาพ : แร่หายาก REEs

ด้านนายเซเลนสกี มีกำหนดเดินทางไปกรุงวอชิงตัน ดี ซี ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อลงนามอย่างเป็นทางการ แม้ข้อตกลงนี้ยังไม่รวมหลักประกันด้านความปลอดภัยที่ยูเครนเรียกร้อง ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์ในยูเครนว่าอาจเสียเปรียบสหรัฐฯ แต่นายเซเลนสกี ชี้ว่า เป็นทางเลือกจำเป็นเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และหวังเป็นเครื่องผลักดันการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อไป

ขณะที่ในวันเดียวกันผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวรายงานว่า นายทรัมป์ ยังลงนามคำสั่งบริหารและเปิดเผยต่อหน้าสื่อว่า “ผมอยากซื้อแร่ธาตุจากดินแดนรัสเซียด้วย” โดยเขาบอกว่า สนใจในแร่หายาก น้ำมัน และก๊าซของรัสเซีย พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ สามารถเจรจาข้อตกลงได้หากเป็นไปได้ 

แฟ้มภาพ : แร่หายาก REEs

ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้ สอดคล้องกับนโยบายของทรัมป์ที่มุ่งลดการพึ่งพาแร่ธาตุหายากจากจีน ซึ่งปัจจุบันครองตลาดโลกถึง 70% ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การหันมาสนใจรัสเซียอาจเป็นกลยุทธ์ เพื่อถ่วงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคยูเรเชีย 

การเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับทั้งรัสเซียและยูเครน กำลังถูกจับตาจากนานาชาติ โดยเฉพาะสหภาพยุโรปที่กังวลว่า การที่สหรัฐฯ เข้ามาควบคุมทรัพยากรแร่ธาตุในภูมิภาคนี้ อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของยุโรป ซึ่งต้องพึ่งพาแร่หายากในการผลิตเทคโนโลยีสีเขียว เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและกังหันลม 

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางรายตั้งข้อสังเกตว่า หากทรัมป์ ผลักดันข้อตกลงกับรัสเซียสำเร็จ อาจนำไปสู่การปรับทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียในอนาคต ซึ่งอาจลดความตึงเครียดที่เกิดจากสงครามยูเครน และส่งผลกระทบต่อสมดุลอำนาจโลกในระยะยาวต่อไปได้ - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน