"นันทนา"นำกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ แถลงจี้สั่ง สว.พันคดีฮั้วฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

"นันทนา"นำกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ แถลงจี้สั่ง สว.พันคดีฮั้วฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่

59921 พ.ค. 68 20:27   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

"นันทนา"นำกลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ แถลงจี้สั่ง สว.พันคดีฮั้วฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นหายนะของประเทศ

(21พ.ค.68) กลุ่ม สว.พันธุ์ใหม่ นำโดย นางสาวนันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงความคืบหน้าในการเข้าชื่อ สว.เพื่อขอให้ สว.หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ขณะนี้ประชาชนทั่วไปทราบว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นหายนะของประเทศ หากมีการปล่อยให้มีการแต่งตั้งองค์กรอิสระอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ เป็นเรื่องการขัดขัดแย้งผลประโยชน์อย่างรุนแรง เพราะ สว.เสียงข้างมาก กำลังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ว่าเข้าสู่ตำแหน่งโดยมิชอบ และได้ทำการตรวจสอบ โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งหากปล่อยให้มีการแต่งตั้ง กกต.เข้าไปก็จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ต่างตอบแทน เช่นเดียวกับศาลรัฐธรรมนูญที่จะเป็นผู้วินิจฉัย การกระทำนี้ จะไม่เท่ากับตั้งผู้พิพากษามาพิจารณาตัวเองหรือ


นางสาวนันทนา กล่าวต่อว่า รวมถึงหากในอนาคตมีการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ ในขณะที่การตรวจสอบ สว.เสียงข้างมาก ยังไม่ชัดเจน ถ้ามีการดำเนินคดีไปถึงที่สุด หรือศาลมีคำพิพากษาให้ สว.ที่เป็นเสียงข้างมากนั้น มีความผิด จะทำให้ผลแห่งการลงมติของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กลายเป็นมรดกบาป ที่ สว.ได้ทิ้งไว้ให้กับประเทศชาติหรือไม่ ซึ่งก็จะมีผลต่อสถานะขององค์กรอิสระเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากองค์กรอิสระเป็นองค์กรภายใต้กำกับพรรคการเมือง หรือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง จะบิดเบี้ยวไปอย่างไร จะเป็นองค์กรที่เป็นกลางเที่ยงธรรมหรือไม่


นางสาวนันทนา ระบุว่า แม้กระบวนการนี้ จะยากลำบาก แต่ขณะนี้สังคมได้รับรู้อย่างกว้างขวาง และรู้ว่ากระบวนการได้มาซึ่ง สว.ส่วนใหญ่มิชอบ แต่สังคมก็เอาใจช่วยในการผลักดันกระบวนการไม่ให้ สว. ได้ลงมติ ซึ่งในภาคส่วนอื่น ๆ ก็ยังมีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้ร้องกับ กกต.ไปแล้ว มีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ จะยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ภายในวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.นี้ และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ก็จะยื่นญัตติชะลอการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในการประชุมวุฒิสภา วันที่ 30 พ.ค.นี้ โดยการทำเป็นหนังสือ ซึ่งต้องรอการบรรจุระเบียบวาระ แม้ทุกมติของเรา จะไม่เคยผ่านเลย แต่ก็เป็นช่องทางที่เราจะต้องทำ ตลอดจนภาคประชาชน ซึ่งทุกฝ่ายจะต้องติดตามต่อไป ว่ากระบวนการไหนจะสำเร็จหรือบรรลุเป้าหมายได้ก่อน


ทั้งนี้ สาเหตุจริง ๆ ของเรื่องมาจากการที่รัฐธรรมนูญปี 60 กำหนดให้การเลือก สว.เป็นการเลือกกันเองของกลุ่มอาชีพ และเกิดช่องโหว่ ช่องว่าง จนกระทั่งมีการฮั้วกันเข้ามาแบบมโหฬารเช่นนี้ โดยการในส่วนนี้ ก็เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าตรงนี้ และสิ่งที่เราต้องเริ่มคิดดำเนินการต่อไป คือการแก้รัฐธรรมนูญ ที่มีปัญหา ทำให้เกิดวิปริตในการได้มาซึ่ง สว.


เมื่อถามว่าสรุปตอนนี้รายชื่อ สว. มีไม่ถึง 20 คน ใช่หรือไม่ นางสาวนันทนา กล่าว ยัง เพิ่งเริ่ม เราเพิ่งร่างคำร้อง เราใช้เวลาดำเนินการ รัฐธรรมนูญร่างมาแล้ว ไม่มีข้อกฎหมายตามทันเรื่องนี้ ถ้ามีการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ พบว่ามีพฤติกรรมมันไม่ชอบจำนวนมาก กฎหมายตามไม่ทัน กลายเป็นว่าเราต้องพลิกตำรากฎหมาย จึงต้องใช้เวลา


ดังนั้น วันนี้จึงเริ่มกระบวนการในการล่ารายชื่อ ซึ่งคือเป็นกระบวนการที่ตรง และเร็วที่สุด ยอมรับว่า ไม่ใช่เส้นทางที่ราบรื่น เพราะหากรวบรวมรายชื่อได้ 20 คนแล้ว จะต้องยื่นต่อประธานวุฒิสภาซึ่งเป็นหนึ่งใน 55 คนที่ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปยื่นกับใคร เพราะในธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องไปยื่นกับประธานวุฒิสภา ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่ต้องลุ้นกันตลอดทาง ทั้งนี้ได้มีการทำหนังสือเสร็จแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยในวงกว้างได้


นางสาวนันทนา กล่าวอีกว่า ประเด็นหลัก ๆ ที่ยื่นนั้น มีเรื่องมาตรา 82 การเข้าชื่อกันของสมาชิกแห่งสภานั้น ๆ จำนวน 1 ใน 10 เพื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภาว่าสมาชิกภาพของผู้ที่ถูกร้องนั้นสิ้นสุดลง หลังจากนั้นจะขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส่วนข้อกล่าวหาที่จะให้สมาชิกสภาพสิ้นสุดลง ใช้มาตรา 113 และมาตรา 114 คือการตกอยู่ภายใต้อาณัติของพรรคการเมือง ของอำนาจกลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดและข้อมูลก็ออกมาสู่สาธารณชนอย่างกว้างขวางแล้ว


ส่วนจะเป็นการถอนรากถอนโคน ไม่ใช่แค่ชะลอไม่โหวตเลือกองค์กรอิสระใช่หรือไม่ นางสาวนันทนา ระบุว่า เราพยายามหาข้อกฎหมายมารองรับให้การร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่ต้องถอดถอน แต่สุดท้ายแล้ว ไม่มีกฎหมายใดมารองรับ ซึ่งตนเองเรียกร้องให้ สว.ทั้งหมด ใช้จิตสำนึกหยุดปฏิบัติหน้าที่เอง โดยไม่ต้องใช้กฎหมายมาบังคับ พร้อมยอมรับว่า กังวลว่าการดำเนินการนี้จะช้า จึงเร่งมาก ในเวลาที่เหลือ 9 วันนี้


ส่วนที่พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ยื่นเรื่องร้อง กกต. ให้ยุติการสอบสวนกรณีการฮั้ว สว. นั้น นางสาวนันทนา มองว่า ก็เป็นสิทธิดำเนินการปกป้องตัวเอง แต่โดยกระบวนการยุติธรรมสามารถทำได้หรือไม่ และสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจสอบตนเองได้หรือไม่ และฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการต่อไป ส่วนมองว่าเป็นการแทรกแซงหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกผู้ที่ถูกกล่าวหาฟ้อง ซึ่งประชาชนก็จับตาดูว่าผู้ที่ถูกกล่าวหามีความผิด แต่กลับร้องเจ้าหน้าที่ อาจเป็นเพราะผู้ถูกร้องอาจมีสถานะที่ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป ก็ขึ้นอยู่ว่าจะมองอย่างไร


ส่วนจะเป็นการฟอกขาว กกต. และ สว. หรือไม่ นางสาวนันทนา ระบุว่า เราเรียกร้องมาตลอดว่า องค์กรอิสระต้องโปร่งใส จากรัฐบาล การเมือง และต้องมีการตรวจสอบอย่างที่ทำตรงไปตรงมา ดังนั้น จึงต้องช่วยกันจับตา ไม่ปล่อยให้มีการลงมติผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ โดย สว. ที่มีที่มาไม่ชัดเจน


นางสาวนันทนา ย้ำว่า ถ้ากระบวนการยุติธรรมเดินไปจนสุดทางแล้ว บริสุทธิ์ ยุติธรรมจริงๆ กลุ่ม สว.เสียงส่วนใหญ่นี้พ้นหน้าที่ไป ก็ยังมี สว.สำรอง ที่พร้อมจะเลื่อนรายชื่อขึ้นมา เป็นองค์ประชุมได้


เมื่อถามว่าจะไปถึงการล้มทั้งกระดานหรือไม่ นางสาวนันทนา ถามกลับว่า ด้วยเหตุผลอะไร ถ้าจะล้มทั้งกระดาน เพราะคนอื่น ๆ ที่เข้ามาแบบปกติก็มี ที่ไม่ได้อยู่ในข้อกล่าวหาว่าฮั้วกัน แต่ถ้าถึงที่สุด จะต้องล้มกระดานกันด้วยเหตุผลว่า เกี่ยวพันกันไปกันมา ก็ยินดี แต่ขอให้แก้รัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว.ก่อน หากยังไม่แก้ครั้งหน้าจะฮั้วแบบไม่มีหลักฐาน หรือร่องรอยทิ้งไว้เลย ก็จะยิ่งแย่กว่าเดิม


ด้านทนายอั๋น ระบุว่า เราทราบกันดีว่าจำนวน สว. สีน้ำเงินที่มีปัญหาอยู่ในกระบวนการมีเพียง 138 คนนั่นหมายความว่ามีมากกว่า สว. สายอิสระ แต่วันนี้จำนวน สว. เพียงแค่ 20 คน ที่จะทำการล่ารายชื่อดูเหมือนว่าโทรไปไม่รับสายบ้าง จึงตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น พี่น้องประชาชน รวมถึงตนเองอยากเห็นซูเปอร์ฮีโร่เกิดขึ้นในวุฒิสภา ท่ามกลางการศรัทธาความเชื่อมั่นขององค์กรวุฒิสภาเช่นนี้ เรื่องนี้พฤติการณ์ของกลุ่ม สว. ที่ได้มาโดยมิชอบ ไม่สุจริตเที่ยงธรรม จนกระทั่งนำไปสู่การถูกดำเนินคดี และถูกเรียกไปรายงานตัว เป็นเรื่องที่ยอมรับได้หรือไม่ ตนเองหวังว่าเสียงสะท้อนของตนวันนี้จะไปถึง สว. กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าอิสระ หรือสายสีขาวทั้งหลาย ให้ร่วมกันมาลงชื่อร่วมกับนางสาวนันทนา เพราะคือทางที่ใกล้ที่สุด แค่ 20 คนไม่เกินไป


ทนายอั๋น ระบุต่อว่า หากมองในแง่ร้ายที่สุดสมมุติไม่มีใครมาเข้าชื่อ กระบวนการไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญมันยากเย็นนักหรืออย่างไร ตนเองจึงจะไปยื่นที่ศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครอง แต่ก็ไม่หวังอยากไปจุดนั้น


ทนายอั๋น ทิ้งท้ายว่า ตนเองอยากเห็น สว. แสดงความกล้าหาญ ส่วนใครที่กลัวว่า สว. สีน้ำเงินจะเอาคืนในเงื่อนไขในเรื่องของการตั้งกรรมการมาสอบเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมของใครก็แล้ว แต่ที่มาร่วมลงชื่อนั่นหมายถึงว่าพวกคุณกลัว ท่ามกลางสถานการณ์สังคมที่เลวร้าย หากพวกคุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง สว. ประชาชนดำ ๆ ที่สู้กับสภาพเศรษฐกิจสังคมที่มันถดถอย เขายังสู้ได้ พวกคุณมีต้นทุนเยอะแยะ และตนเองให้คำมั่นวันนี้ว่าหากใครถูก สว. สีน้ำเงินเอาคืน ตนเองและประชาชนพร้อมปกป้อง


ข่าวเวิร์คพอยท์23

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat