นายกฯสิงคโปร์เตือนยุคการค้าเสรีสิ้นสุด เตรียมตัวรับผลกระทบหนัก

นายกฯสิงคโปร์เตือนยุคการค้าเสรีสิ้นสุด เตรียมตัวรับผลกระทบหนัก

52805 เม.ย. 68 16:04   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

นายกฯ สิงคโปร์ออกแถลงการณ์เตือน ระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนแปลง สิ้นสุดยุคการค้าเสรีและโลกาภิวัตน์แบบอิงกฎเกณฑ์ ประเทศเล็กมีความเสี่ยง หลัง “ทรัมป์” ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้รายประเทศ ชี้อาจนำไปสู่สงครามการค้าแบบเต็มรูปแบบ ขอชาวสิงคโปร์เตรียมรับแรงกระแทก อย่าชะล่าใจ

(5 เม.ย. 68) ช่วงค่ำวานนี้(4 เม.ย. 68) นายลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ออกแถลงการณ์สำคัญเตือนประชาชน หลังสหรัฐอเมริกาประกาศมาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้รายประเทศ (reciprocal tariffs) ในวันปลดแอกสหรัฐฯ(Liberation Day) เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา(ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ) โดยระบุว่า โลกกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กที่เปิดเสรีอย่างสิงคโปร์


นายลอเรนซ์กล่าวว่า ประกาศของสหรัฐฯ ถือเป็น “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระเบียบโลก” และเป็นการยุติยุคของโลกาภิวัตน์แบบอิงกฎเกณฑ์ เข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยความไม่แน่นอน การกีดกันทางการค้า และอันตรายที่เพิ่มขึ้น


พร้อมทั้งเตือนว่า ประเทศอื่นอาจเดินรอยตาม จนนำไปสู่การล่มสลายของระบบการค้าโลกแบบพหุภาคี (WTO) และอาจนำไปสู่ “สงครามการค้าเต็มรูปแบบ” ที่จะส่งผลร้ายต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศขนาดเล็ก


“เป็นเวลาหลายทศวรรษที่สหรัฐอเมริกาเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจตลาดเสรีทั่วโลก สหรัฐฯ สนับสนุนการค้าเสรี และเป็นผู้นำในการสร้างระบบการค้าพหุภาคี ที่มีรากฐานจากกฎระเบียบที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้แต่ละประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกันแบบ win-win


ระบบขององค์การการค้าโลก (WTO) นี้ ได้นำความมั่นคงและความมั่งคั่งที่ไม่เคยมีมาก่อนมาสู่โลก และแม้กระทั่งกับตัวสหรัฐอเมริกาเอง


แม้ว่าระบบนี้ไม่สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และทำให้ระบบดีขึ้นมาโดยตลอด แต่สิ่งที่สหรัฐกำลังทำในตอนนี้ ไม่ใช่การปฏิรูป มันคือการสละทิ้งระบบทั้งหมดที่สหรัฐเคยสร้างขึ้น


แนวทางใหม่ของสหรัฐฯ ที่ใช้ระบบภาษีตอบโต้แบบรายประเทศนั้น เป็นการปฏิเสธระบบของ WTO อย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ จัดให้สิงคโปร์อยู่ในกลุ่มฐานภาษีต่ำสุด โดยตั้งอัตราภาษีไว้ที่ 10% ซึ่งอาจทำให้ผลกระทบโดยตรงต่อเรายังจำกัดอยู่ในตอนนี้ แต่สิ่งที่ตามมาอาจรุนแรงและลึกซึ้งยิ่งกว่า หากประเทศอื่นๆ ทำตามแนวทางเดียวกับสหรัฐฯ โดยละทิ้ง WTO และทำการค้าบนเงื่อนไขของตัวเองแบบรายประเทศ


ผลกระทบจะรุนแรงต่อทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ เรามีความเสี่ยงที่จะถูกเบียดขับ ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง” นายลอเรนซ์กล่าว


นายกฯ สิงคโปร์ประกาศว่าสิงคโปร์ตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้ด้วยมาตรการทางภาษี แต่ประเทศอื่นอาจไม่ได้ใช้แนวทางเช่นเดียวกันนี้ และสถานการณ์อาจทวีความรุนแรงจนกระทบการค้า การลงทุน และการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวม


เหตุการณ์ในลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งที่บานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมย้ำว่า “สถาบันระหว่างประเทศกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานสากลถูกบั่นทอน และประเทศต่างๆ เริ่มแสวงหาผลประโยชน์เฉพาะตนด้วยกำลังหรือแรงกดดัน”


อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์ยังคงเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน และเตรียมความพร้อมในระดับประเทศ ทั้งเงินสำรอง ความสามัคคีภายใน และความมุ่งมั่นเพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต


“เราต้องไม่ปล่อยให้ตนเองชะล่าใจ อันตรายนั้นมีจริง และเดิมพันสูง หนทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายืนหยัดและสามัคคีกันไว้ สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดอยู่ได้ในโลกที่ปั่นป่วนใบนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้าย



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat