ถูกรถกระบะขับรถปาดหน้าเหมือนจงใจให้ชนท้าย จอดรถเจรจาถูกข่มขู่และจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย คว้าปืนยิงสวนดับ

ถูกรถกระบะขับรถปาดหน้าเหมือนจงใจให้ชนท้าย จอดรถเจรจาถูกข่มขู่และจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย คว้าปืนยิงสวนดับ

99306 เม.ย. 68 18:51   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ถูกรถกระบะขับรถปาดหน้าเหมือนจงใจให้ชนท้าย จอดรถเจรจาถูกข่มขู่และจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย คว้าปืนยิงสวนดับ ผู้เสียชีวิต เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา จับกุมเมื่อปี 2564 ก่อเหตุเจตนา ขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชน แล้วข่มขู่เรียกรับเงินเรียกรับเงินจากผู้เสียหาย

(6 เม.ย.68) ที่ สถานีตำรวจภูธรวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.เดชา รัตนภักดี รอง สว.สอบสวน สภ.วังน้อย ควบคุมตัว นายศิวะ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “ ฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่น ”ไปฝากขัง หลังจากก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนยิง นายไพโรจน์ อายุ 41 ปี เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา 


ระหว่างที่ นายศิวะ ถูกควบคุมตัว ออกจากห้องขังเพื่อไปฝากขัง ผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถาม ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายศิวะ กล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตเพราะผู้เสียชีวิตประสงค์ต่อทรัพย์ ตั้งใจที่ขับรถให้การเฉี่ยวชน และทำร้ายตนเอง จึงตัดสินใจป้องกันตัวจึงใช้อาวุธปืนยิง 


สำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจาก พนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ว่านายไพโรจน์ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ได้รับบาดเจ็บมารักษาตัวที่ รพ.ปทุมธานี แล้วเสียชีวิต โดยมีนายกิติกร ซึ่งเป็นเพื่อนกับผู้เสียชีวิตพามาส่งโรงพยาบาล

 

จากการสอบสวน นายกิติกร เพื่อนของผู้เสียชีวิต ทราบว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2568 เวลาประมาณ 23.50 น. นายกิติกร ได้ขับขี่รถยนต์กระบะ โตโยต้า สีขาว โดยมีนายไพโรจน์ ผู้เสียชีวิต นั่งมาที่เบาะข้างคนขับ มาตามถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร และได้ขับปาดหน้ากับ รถคู่กรณีเป็นรถยนต์กระบะ มีนายศิวะผู้ต้องหาเป็นคนขับรถ บนถนนพหลโยธินขาเข้ากรุงเทพมหานคร กม.ที่ 53บริเวณทางขึ้นต่างระดับบางปะอิน มุ่งหน้าทางหลวงหมายเลข 9 หมู่.1 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา 

 

จากนั้นได้จอดรถ โดยนายไพโรจน์ เข้าไปพูดคุยกับ นายศิวะ ผู้ต้องหา ส่วนนายกิติกร คนขับ ยืนอยู่ข้างรถ มีการโต้เถียงกัน จากนั้นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืน ขนาด 11 มม. ยิงใส่ นายไพโรจน์ จำนวน 2 นัด จนล้มลง และหันกระบอกปืนจะยิงนายกิติกรจึงได้วิ่งหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในป่า จากนั้นผู้ต้องหา ได้ขับรถหลบหนีไป นายกิติกร จึงได้นำตัว นายไพโรจน์ ส่งโรงพยาบาลปทุมธานี รักษาตัวแล้วเสียชีวิต ในช่วงเช้าวันที่ 5 เม.ย.


หลังเกิดเหตุ พนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวน ได้สอบสวนพยานตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดรวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวผู้ก่อเหตุ ขออำนาจศาลออกหมายจับ ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมตรวจยึด อาวุธปืนขนาด 11 มม.เครื่องกระสุนปืน เสื้อผ้าที่สวมใส่ รถยนต์กระบะ พบว่า มีรอยเฉี่ยวชนที่บริเวณล้อหลังซ้าย มีสีขาวของรถยนต์กระบะ ของผู้เสียชีวิตติดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงมีการตรวจยึดมา เปรียบเทียบ กับรถยนต์ของผู้เสียชีวิต ที่พบว่ามีรอยเฉี่ยวชนที่ด้านขวา ที่เกิดการเฉี่ยวชนกัน และยังพบร่องรอยการเฉี่ยวชน อีกหลายจุด


ด้าน พ.ต.อ.สมเจษฐ์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย ให้ข้อมมูลว่า จากให้การของผู้ต้องหา บอกว่า เพื่อนของผู้เสียชีวิต และผู้เสียชีวิต ขับรถปาดหน้า มีเจตนาให้เกิดอุบัติเหตุ เรียกค่าเสียหาย เพื่อหวังต่อการตบทรัพย์ และจะถูกทำร้ายจึงใช้อาวุธปืนยิง เพื่อป้องกันตัว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องการสอบสวนเพื่อนของผู้เสียชีวิต และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้เสียชีวิต เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา จับกุมเมื่อปี 2564 ก่อเหตุเจตนา ขับรถให้เกิดการเฉี่ยวชน แล้วข่มขู่เรียกรับเงินเรียกรับเงิน จากผู้เสียหาย โดยพฤติกรรมจะตระเวนก่อเหตุช่วงเลางกลางคืนเลือกรถยนต์ที่มีสภาพเก่า ไม่มีประกัน


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat