CIB รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท
CIB รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท

CIB รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท
(18 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB)นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ปฏิภาณ เป็นสุข สว.กก.2 บก.ปอศ. , ร.ต.อ.อภินันท์ พจน์มนต์ปิติ รอง สว.กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติ กก.2 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นางสมบุญ (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี บริเวณลานจอดรถหน้าอพาร์ทเม้นต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน"
คดีนี้ เนื่องจาก น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท ทเวนตี้ฯ ประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากร เพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าว มีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ กล่าวคือ บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขาย และใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด ทั้งการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ และไม่มีการทำเอกสารหลักฐานการจ่ายเงิน
เมื่อเจ้าพนักงานได้ทำหนังสือเชิญกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ เพื่อให้ส่งมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ แต่ไม่มีผู้ใดมาพบ ประกอบกับทางบริษัทฯไม่ยื่นยอดขาย หรือยื่นยอดขายไว้น้อยกว่าข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบ เจ้าพนักงานฯ ประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับ 64 เดือนภาษี พร้อมเบี้ยปรับเป็นเงิน 186 ล้านบาท
การกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะ เป็นการปกปิดข้อมูลการมีเงินได้ เพื่อจะไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม กระทำการใดๆโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน อันเป็นความผิดตามมาตรา 90/4(6) และ มาตรา 90/5 แห่งประมวลรัษฎากร
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจสอบแล้วยังพบอีกว่า น.ส.สมบุญ ยังมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับคดีอื่นๆอีกจำนวน 2 คดี กล่าวคือ ผู้ต้องหายังเป็นกรรมการบริษัทฯ ที่ถูกกล่าวหาจากกรมสรรพากร ในความผิดที่มีพฤติการณ์คล้ายคลึงกับพฤติการณ์ข้างต้น ซึ่งได้ร้องทุกข์ไว้กับทาง กก.2 บก.ปอศ. รวมมูลค่าความเสียหายต่อรัฐทั้ง 3 คดีกว่า 430 ล้านบาท
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า เมื่อประมาณปี 2558 ขณะตนเป็นพนักงานทำความสะอาด (แม่บ้าน)ที่บริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอแหลมฉบัง นายจ้างได้นำเอกสารบางอย่างมาให้ตนลงลายมือชื่อ ด้วยความเชื่อใจจึงยอมลงลายมือชื่อภายในเอกสารนั้น โดยไม่ทราบว่าเป็นเอกสารประเภทใด และไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด และต่อมาในช่วงประมาณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ตนได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนให้เข้าพบ แต่มิได้มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จนมาทราบภายหลังว่าตนเองมีหมายจับดังกล่าวข้างต้น - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน