อดีต รมว. ต่างประเทศยัน MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสีย 'เกาะกูด'

อดีต รมว. ต่างประเทศยัน MOU 44 ไม่ได้ทำให้ไทยเสีย 'เกาะกูด'

51801 พ.ย. 67 16:05   |     AdminNews

'นพดล' ยืนยันเกาะกูดเป็นของไทยมาตลอด MOU 44 ขอเลิกบิดเบือนจุดกระแสเพื่อหวังผลทางการเมือง

1 พ.ย.67 นายนพดล ปัทมะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสการบิดเบือนว่าไทยจะเสียเกาะกูดและ MOU 44 อาจนำไปสู่การเสียเกาะกูดว่า ข้อเท็จจริงคือ เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสมานานแล้ว และไม่มีใครสามารถยกเกาะกูดให้กัมพูชาได้ คนไทยไปเที่ยวได้ตลอด ตนไม่เคยได้ยินว่ากัมพูชาเรียกร้องสิทธิเหนือเกาะกูด จึงขอเรียกร้องให้เลิกปั่นกระแสไทยเสียเกาะกูดในขณะนี้เพราะมันเป็นความเท็จ 


รัฐบาลนี้รักประเทศชาติ ไม่มีใครจะทำให้ไทยเสียดินแดน ส่วนที่มีการบิดเบือนว่า MOU 44 จะทำให้ไทยเสียดินแดนนั้น เห็นว่า MOU 44 ที่ลงนามโดยนาย สุรเกียรติ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในขณะนั้น ไม่ได้ทำให้ไทยเสียเกาะกูด มันเป็นกรอบในการเจรจาเรื่องพื้นที่ทางทะเลและพื้นที่พัฒนาร่วม เนื่องจากทั้งไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในเขตไหล่ทวีปทับซ้อนกัน สองประเทศเลือกวิธีเจรจาทางการทูต จึงเป็นที่มาของ MOU 44 เพื่อวางกรอบในการเจรจา บนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ 


นอกจากนั้น มีการระบุชัดเจนว่าเนื้อหาของ MOU 44 และการเจรจาจะไม่มีผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ทางทะเลของทั้งไทยและกัมพูชา อีกทั้งการเจรจานั้นจะต้องกระทำโดยคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-กัมพูชา (JTC) เจทีซี คนอื่นไปเจรจาไม่ได้ แม้แต่ตัวนายกรัฐมนตรี นอกจากนั้นรัฐบาลก่อนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีก็เคยใช้การเจรจาตามกรอบของ MOU 44 มาก่อน



นพดลกล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้นำเรื่องดินแดนมาบิดเบือนใส่ร้าย อย่างเช่นที่ตนเคยถูกกระทำในอดีต ในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาทั้งๆที่ไทยยกปราสาทพระวิหารให้กัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 2505 ที่มีจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้นการใส่ร้ายว่าตนยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาจึงเป็นความเท็จโดยสิ้นเชิง ซึ่งในเรื่องนี้ตนถูกฟ้องแต่ศาลฎีกาก็ได้พิพากษายกฟ้องตนและในคำพิพากษาก็ได้ระบุว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องและประเทศจะได้ประโยชน์ซึ่งถ้าไม่จุดกระแสคลั่งชาติ เพื่อหวังผลการเมืองในขณะนั้น 

ไทยจะรักษาได้ทั้งดินแดนและความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชา แต่เสียดายที่การจุดกระแสด้วยความเท็จ ทำให้มีการปะทะตามแนวชายแดน มีทหารเสียชีวิต และทำให้ในปี 2554 กัมพูชากลับไปศาลโลกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อยื่นตีความคำพิพากษาศาลโลกปี 2505 จนมีคำตัดสินตีความคดีปราสาทพระวิหารเดิมออกมาในปี 2556 ซึ่งในคำพิพากษาก็ระบุชัดเจนว่ากัมพูชา ไม่ได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลกรวมพื้นที่ซับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรตามที่ตนปกป้องไว้ 

“คนไทยไม่ว่าเสื้อสีอะไรรักชาติเท่ากัน อย่านำประเด็นรื่องดินแดนมาทำ เป็นประเด็นการเมืองเพื่อหวังบั่นทอนเสถียรภาพของรัฐบาลเลย ถ้ารักชาติจริงต้องเอาความจริงและข้อกฎหมายมาพูดกัน นอกจากนั้นการเจรจาตามกรอบเอ็มโอยู 44 จะต้องกระทำโดยคณะกรรมการ เจทีซี ซึ่งที่ผ่านมาประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงาน กองทัพ กระทรวงการต่าง เป็นต้น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ซึ่งรักชาติและมืออาชีพ เป็นไปได้อย่างไรที่บุคคลเหล่านี้จะทำให้ไทยเสียดินแดน”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

"ภูมิธรรม" ย้ำปม 'เกาะกูด' ไม่ยอมเสียอธิปไตยแน่นอน

พปชร.จี้ “แพทองธาร” ยกเลิกไทยยอมรับเส้นพาดผ่าน 'เกาะกูด'


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง