แม่แจ้งจับลูกทาสยา ขอเงิน 2 พันไม่ได้ทำร้ายแม่เจ็บ

(27 ก.พ. 68) เวลา 18.34 น. วานนี้(26 ก.พ.) ขณะที่ ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง มีเหตุลูกชายอาละวาดทำร้ายร่างกายแม่ เหตุเกิดภายในชุมชนหนองเหล็ก ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังสายตรวจ  191 รุดไปที่เกิดเหตุ 

ในที่เกิดเหตุพบนางสุดา อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน แจ้งว่า ตนโดนนายชนาธิป อายุ 33 ปี ลูกชาย ใช้เท้าถีบบริเวณแขนซ้าย และใช้ขวดแชมพูสระผมทุบหัว 1 ครั้ง เพราะมาขอเงินไปซื้อโทรศัพท์มือถือ 2,000 บาท แต่ตนไม่ได้ให้ เพราะให้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้ไปซื้อโทรศัพท์กลับมา

ครั้งนี้ก็มาขออีก ตนไม่มีเงินให้ ลูกชายไม่พอใจก็ทำร้ายตน ซึ่งเช้าวันนี้ตนให้เงิน 100 บาท ไปซื้อนมให้ลูก  มาขู่เอาอีก 200 บาท ยังไม่พอ มาบังคับให้แม่ไปยืมเพื่อนบ้านอีก 1,200 บาท ตนเอาเงินให้เพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็น 1,400 บาท ไม่ยอม จะเอา 2,000 บาทให้ได้ พอไม่ได้ก็เข้ามาทำร้ายแม่ 

นางสุดา เล่าต่อว่า ตนทำงานรับจ้างขายเสื้อผ้า มีลูก 2 คน นายชนาธิปเป็นคนโต ติดยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 17 ปี ลูกไม่ยอมทำงาน ต้องโอนเงินให้ใช้วันละหลายรอบ พอลูกชายมีลูกก็ไม่เลี้ยง งานก็ไม่ทำ ขอแต่เงินไปซื้อยาเสพ ทำให้ตาและยาย อายุ 70-80 ปี ทนอยู่ด้วยไม่ได้ ต้องหนีไปอยู่บ้านญาติ ลำบากไม่มีน้ำ ไฟฟ้าใช้ กลับมาก็ไม่ได้

ที่ผ่านมานายชนาธิปเคยติดคุกข้อหาข้อหาบุกรุก และเสพยาบ้า เพราะบุกไปขอเงินเพื่อนบ้าน 40 บาท แต่เขาให้ 10 บาท ก็อาละวาดเพื่อนบ้าน จึงไปแจ้งตำรวจดำเนินคดี พึ่งออกมาจากคุกเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ก็หวนมาเสพยาอีก ส่วนลูกสะใภ้ก็เสพยาและโดนผัวทำร้ายตลอดเช่นกัน ครอบครัวทั้งสองก็ไม่มีใครเอาแล้ว

ต่อมา ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์  รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี  พานางสุดา ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี ขณะกำลังแจ้งความ นางสุดาได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่า นายชนาธิปกับ น.ส.แหม่ม ลูกชายและลูกสะใภ้กลับมาบ้านแล้ว ตำรวจจึงนำกำลังไปบ้านควบคุมตัวนายชนาธิป และ น.ส.แหม่มมาโรงพัก และตรวจปัสสาวะ พบว่าเป็นสีม่วงทั้งคู่ 

น.ส.แหม่ม ให้การรับสารภาพว่า วันนี้ได้ซื้อยาบ้าเม็ดละ 40 บาท มาเสพกับนายชนาธิปคนละเม็ด และยอมรับว่านายชนาธิปได้ทำร้ายร่างกายแม่จริง เพราะไม่พอใจที่ขอเงินแม่ 2,000 บาทไปซื้อโทรศัพท์มือถือไม่ได้  ตำรวจึงแจ้งข้อ “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อสังคม” ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการี ให้พนักงานสอบสวนแจ้งเพิ่ม เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป