ควงลูกซองยิงเพื่อนบ้านดับ แค้นโดนยึดที่ดิน
ควงลูกซองยิงเพื่อนบ้านดับ แค้นโดนยึดที่ดิน
ชายวัย 67 ปีควงลูกซองยิงเพื่อนบ้านดับอนาถ แค้นโดนยึดและไล่ที่จนแทบไม่มีที่อยู่ ขณะที่ลูกสาวผู้ตายเผยได้ที่อย่างถูกต้อง
(29 พ.ย.67) ที่ จ.ลพบุรี เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.ท.ประยูร วิเศษชาติ สารวัตร สอบสวน สภ.บ้านหมี่ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันเสียชีวิต ที่หมู่ 5 ต.มหาสอน อ.บ้านหมี่ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.อภิรักษ์ เวชกาญจนา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี , พ.ต.อ.อาสาฬห์ ถมยา รอง ผบก.ลพบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง
ที่เกิดเหตุ พบศพผู้เสียชีวิต ที่ท้ายรถหกล้อ บรรทุกวัสดุก่อสร้าง (เสาปูน) ใกล้กับผู้เสียชีวิต พบรถจักยานยนต์ จอดอยู่ 1 คัน รอบบริเวณพบปลอกกระสุนปืนลุกซองตกอยู่ จำนวน 5 ปลอก จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐาน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อคือ นางอุไร (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ชาว ต.มหาสอน ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเนื้อที่ 2 ไร่ ที่จะเข้ามาล้อมรั้ว โดยมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ลำตัวหลายแห่ง
ส่วนผู้ก่อเหตุ หลังยิงนางอุไร แสงทอง แล้วได้หลบเข้าไปอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว ที่เพิ่งได้รับมอบจากโครงการสังฆประชานุเคราะห์ จากคณะสงฆ์เมื่อวันที่ 27 พ.ย.67 ที่ผ่านมา โดยมีรอง ผวจ.ลพบุรี , เจ้าคณะภาค 3 และเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี รวมทั้งประชาชนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก บ้านหลังดังกล่าว มีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ และผู้ก่อเหตุเป็นสามีของผู้ป่วยติดเตียงรายดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ก่อนผู้ก่อเหตุจะยอมออกมามอบตัว พร้อมอาวุธปืนลูกซองยาว และกะสุน ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายอำพัน (สงวนนามสกุล) อายุ 67 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้
จากการสอบถาม น.ส.แสงทิพย์ (สงวนนามสกุล) ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตนอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งแม่สั่งวัสดุก่อสร้างเพื่อเข้ามาล้อมรั้วตรงที่เกิดเหตุ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเคยเป็นที่ดินของภรรยาของผู้ก่อเหตุ แต่ได้ถูกบังคับคดี แม่จึงได้ที่ดินนี้มาอย่างถูกต้อง ช่วงเกิดเหตุ ตนกับแม่พร้อมรถส่งของมาถึง ผู้ก่อเหตุยืนดูอยู่ แต่สักพัก ก็ได้ถือปืนลูกซองยาวเดินเข้ามาหาแม่ และยิงแม่ไป 1 นัดจนล้มลงกับพื้น ตนพยายามเข้าไปขอร้องผู้ก่อเหตุ แต่ไม่ได้ผล ผู้ก่อเหตุเดินไปยิงซ้ำที่ร่างแม่อีก ตนจึงได้วิ่งออกมาเพื่อจะมาขอความช่วยเหลือ และได้ยินเสียงปืนดังตามมาอีก 3-4 นัด
ด้านนายอำพัน ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเพิ่งมาอยู่กับภรรยาคนนี้ได้ประมาณ 4 ปี และดูแลกันมาเนื่องจากภรรยาเป็นผู้ป่วยติดเตียง ที่ก่อเหตุเพราะแค้นที่ผู้เสียชีวิตไล่ที่ จนไม่มีที่จะอยู่ เพิ่งได้รับมอบบ้านตามโครงการสังฆประชานุเคราะห์ จากคณะสงฆ์ และมาอาศัยที่ของพี่สาวภรรยา ใช้เป็นสถานที่สร้างบ้านให้ โดยทราบว่าภรรยา นำที่ไปจำนำไว้กับผู้เสียชีวิตจำนวนเงิน 30,000 บาท แต่ตอนหลังกลายเป็นเงิน 800,000 บาท เคยไปคุยเพื่อขอซื้อที่คืน แต่ก็ไม่เป็นผล และถูกไล่ที่จึงเกิดความแค้น และได้ลงมือก่อเหตุขึ้น