มือปืนเหี้ยม จ่อยิงสองแม่ลูก ดับคากระต๊อบ หลาน 2 ขวบ เจ็บ

มือปืนเหี้ยม จ่อยิงสองแม่ลูก ดับคากระต๊อบ หลาน 2 ขวบ เจ็บ

193218 ส.ค. 67 11:09   |     Tum1

มือปืนสุดเหี้ยม จ่อยิงสองแม่ลูก ดับคากระต๊อบ ส่วน ด.ญ. 2 ขวบบาดเจ็บ ตร.เร่งล่าตัวคนร้าย

วันที่ 18 สิงหาคม 2567 ผู้สื่อข่าวายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. คืนที่ผ่านมา (17 ส.ค.67) ร.ต.ท.ศุภชัย เมตตามิตรพงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางโทรัด รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงคนเสียชีวิต ที่บ้านไม่มีเลขที่ ริมทางรถไฟ ม.2 ต.บ้านบ่อ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รองผู้บังคับการ ภ.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.อ. สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม ผกก.สภ.บางโทรัด , พ.ต.ท.วุฒิชัย ทวีกาญจนวัฒน์ รอง ผกก.สส.สภ.บางโทรัด , พ.ต.ท.ไชยภูมิ ฉลองภูมิ รอง ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.สมุทรสาคร , เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.บางโทรัด , เจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานสมุทรสาคร , แพทย์โรงพยาบาลสมุทรสาคร รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร  


ที่เกิดเหตุ เป็นบ้านมุงจาก ชั้นเดียว เหมือนกระต๊อบ(กระท่อม) ภายในบ้านพบร่างนางบุปผา (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี ชาว ต.บางโทรัด อ.เมืองสมุทรสาคร สภาพศพนอนหงาย ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่กลางหน้าอก ไหปลาร้าและราวนมด้านซ้าย กับจมูก จุดละ 1 นัดรวม ใกล้กันพบศพ น.ส.อริษรา (สงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี นอนตะแคงคว่ำหน้าอยู่ ถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านหลัง 3 นัด โดยผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนเป็นแม่ลูกกัน  

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เก็บปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ได้จำนวน 3 ปลอก จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีกหนึ่งรายคือ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 2 ปี 2 เดือน ถูกนำส่ง รพ.สมุทรสาคร



จากการสอบถาม นายบุญมา (สงวนนามสกุล) อายุ 83 ปี สามีของนางบุปผา ผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ได้มาเช่าที่ทำบ่อปลาเลี้ยงกุ้งอยู่ที่นี่ โดยมีลูกสาวที่ทำงานอยู่ร้านขายกาแฟกับหลานวัย 2 ขวบ พักอาศัยอยู่ด้วยกันรวม 4 คน ซึ่งก่อนเกิดเหตุช่วงตอนกลางวัน ขณะที่ตนไปดายหญ้าอยู่ด้านหลังกระต๊อบ ตรงบ่อเลี้ยงปลา ก็มีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20 กว่าปี มายิงปืนข้างบ้าน 

โดยหนึ่งในนั้น เป็นหลานชายของญาติภรรยา มากับเพื่อนอีก 1 คน อายุไล่เลี่ยกันแต่ลตนไม่รู้จัก เมื่อตนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นกว่า 20 นัด ก็รีบเดินมาดูแล้วก็ตะโกนว่า "ทำอะไรกัน" พวกเขาก็บอกว่า "มายิงนก" ตนจึงบอกว่า "ไปยิงที่อื่น หลานกูร้อง" จากนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก และก็เดินกลับไปดายหญ้าต่อ ทำให้ไม่รู้ว่าภายหลังเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่คนพวกนั้นจะออกไป 


ส่วนภรรยาของตน ได้ออกไปแจ้งความที่โรงพักแล้วก็กลับมาตอนเย็น กระทั่งมาตอนช่วงหัวค่ำ ตนไปเปิดน้ำเข้าบ่อ แล้วก็ได้ยินเสียงปืน ตนก็เดินมาเรียกที่บ้านแต่ปรากฏว่าเงียบกันหมด มีแต่หลานบอกว่ายายตาย ตนก็ขึ้นไปดูเห็นเลือดเต็มไปหมดทั้งสองคนแม่ลูก จากนั้น ตนก็โทรศัพท์แจ้ง 191 ว่ามีคนโดนยิง



น.ส.จุฑามาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ลูกสาวคนโตของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ตอนกลางวันแม่ได้โทรมาเล่าให้ฟังว่าเกิดเหตุการณ์ที่มีวัยรุ่นมายิงปืน แล้วแม่ก็ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางโทรัด ซึ่งตนก็ไปเป็นเพื่อนแม่ด้วย โดยช่วงที่อยู่โรงพัก ทางญาติของแม่ที่เป็นครอบครัวของหลานที่เข้ามาก่อเหตุนั้น ได้โทรศัพท์มาหาแม่แล้วบอกว่า ให้ช่วยถอนแจ้งความ อย่าเอาเรื่องกับหลานเลย แต่แม่บอกกลับไปว่า จะไม่ให้แจ้งความได้อย่างไร ก็เพื่อนหลานเล่นเอาปืนจ่อกลางหน้าผาก แล้วลงมาที่กลางหน้าอกอีก 

เพราะว่าหลังจากที่พ่อเดินออกมาบอกให้ไปยิงที่อื่น เพราะหลานร้อง ตนก็บอกว่า ถ้าไม่หยุดจะไปแจ้งความ เพื่อนของหลานที่มีปืนในมือ ก็เดินเข้ามาเอาปืนจ่อกลางหน้าผากแล้วลงมาที่กลางหน้าอกอีก พร้อมกับพูดว่า "ถ้าไปแจ้งความจะยิงให้ตาย" ทำให้แม่กลัวมาก แต่ก็มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน 


กระทั่งต่อมา ตอนเย็นหลังจากที่แม่กับตนให้ปากคำเสร็จสิ้นที่โรงพักแล้ว ตนก็ให้แม่กลับบ้านกับน้องสาวที่เลิกงานพอดี จากนั้น ตอนค่ำก็ปรากฎว่ามีคนร้ายมายิงแม่กับน้องเสียชีวิตในบ้าน และยังมีหลานวัย 2 ขวบ โดนลูกหลงได้รับบาดเจ็บ รักษาตัวในห้องไอซียู ซึ่งหากจะถามว่า ตนสงสัยใคร ก็คงหนีไม่พ้น 2 คนข้างต้น เพราะที่บ้านไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหาใดๆกับใครมาก่อน 



ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางโทรัด ได้เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.10 น.ของวันที่ 17 ส.ค.67 นางบุปผา ได้มาที่ สภ.บางโทรัด และแจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. มีชาย 2 คน ได้ใช้อาวุธปืนยิงและข่มขู่ บริเวณริมทางรถไฟ บ้านไม่มีเลขที่หลังดังกล่าว ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายเกียร์ กับ นายปาล์ม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป 

ซึ่งเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน


ข่าวที่คล้ายกัน :


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง