พ่อเลี้ยงทาสยาทุ่มลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ลงพื้น 5 ครั้ง จนเสียชีวิต ก่อนนำศพทิ้งลงแม่น้ำคำ
พ่อเลี้ยงทาสยาทุ่มลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ลงพื้น 5 ครั้ง จนเสียชีวิต ก่อนนำศพทิ้งลงแม่น้ำคำ

สุดสลด! พ่อเลี้ยงทาสยาทุ่มลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ลงพื้น 5 ครั้ง จนเสียชีวิต ก่อนนำศพทิ้งลงแม่น้ำคำ อ้างเด็กหาย ตำรวจตามลากตัวมาดำเนินคดี
(13 พ.ค.68) พ.ต.อ.สงกรานต์ สันวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย มอบหมายให้ พ.ต.ท.ภาสกร สุขะ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.แม่ฟ้าหลวง พร้อมด้วย ว่าที่ พ.ต.ต.กันตพัฒ์ ยาท้วม สว.(สอบสวน) และผู้เกี่ยวข้อง ได้พาตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณบ้านห้วยผึ้ง ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ท่ามกลางบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต และชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างมารอดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างรู้สึกไม่พอใจ รับไม่ได้กับพฤติกรรมของคนร้าย และมีท่าทีจะเข้ามาทำร้ายผู้ก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องวางกำลังเพื่อป้องกันการก่อเหตุไม่สงบ หรือทำร้ายผู้ต้องหาขณะกำลังทำแผน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น การทำแผนผ่านไปอย่างเรียบร้อยด้วยดี
การจับกุมและทำแผนดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 68 สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ได้รับแจ้งความว่ามีเด็กหญิงวัย 2 ขวบ หายออกจากบ้าน พื้นที่บ้านห้วยผึ้ง ม.2 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ตั้งแต่ช่วงกลางดึกวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา หลังจากได้รับแจ้ง พ.ต.อ.สงกรานต์ สันวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พ.ต.ท.ภาสกร สุขะ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.แม่ฟ้าหลวง ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.กันตพัฒ์ ยาท้วม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่ฟ้าหลวง ลงพื้นที่สอบสวนเพื่อติดตามหาตัวผู้สูญหาย
จากการลงพื้นที่สืบสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่านายชำนาญ อายุ 35 ปี พ่อเลี้ยง ของ ด.ญ.วนิดา หรือ น้องยีฉิ่ง อายุ 2 ขวบ ผู้สูญหาย และเป็นสามีใหม่ของนางนามู อายุ 35 ปี มารดาของ ด.ญ.วนิดา มีพิรุธน่าสงสัย และยังได้หลบหนีออกจากบ้านไปในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบและช่วยกันตามหา ด.ญ.วนิดา จึงได้สืบสวนติดตาม จนพบตัวนายชำนาญในวันที่ 11 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 15.00 น. ที่ถนนสาธารณะบ้านห้วยผึ้ง หมู่ 2 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
จากการสอบสวน นายชำนาญอ้างว่าไม่รู้เห็นว่า ด.ญ.วนิดา อายุ 2 ขวบ ลูกเลี้ยงของตน หายออกจากบ้านได้อย่างไร ขัดกับคำให้การของนางนามู มารดาของน้องยีฉิ่ง ที่ให้การว่านายชำนาญได้อุ้ม ด.ญ.วนิดา ไปในช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 8 พ.ค. 68 ต่อเนื่องกลางดึกของวันที่ 9 พ.ค. 68 ระหว่างซักถามปากคำ ได้ตรวจสารเสพติดในร่างกายของนายชำนาญ พบสารเสพติดเมทแอมเฟตามีนและมอร์ฟีน จึงได้จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีน) ส่งพนักงานสอบสวน ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง ได้ทำการสืบสวน เพิ่มเติมจนมีความสงสัยว่า นายชำนาญจะได้ทำอันตรายแก่ชีวิตหรือร่างกายของ ด.ญ.วนิดา
จนกระทั่ง วันที่ 12 พ.ค. 68 เวลาประมาณ 16.00 น. นายชำนาญได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.แม่ฟ้าหลวง ว่าวันที่ 8 มี.ค. 68 เวลาประมาณ 22.00 น. นายชำนาญได้อุ้ม ด.ญ.วนิดา จากห้องเก็บของ เข้าไปในบ้าน หมู่ 2 จากนั้นได้โยน ด.ญ.วนิดา ลงพื้น จำนวน 5 ครั้ง จนกระทั่งเสียชีวิต จากนั้นได้นำศพ ด.ญ.วนิดา ใส่กระสอบ แล้วใช้รถจักรยานยนต์ขับออกจากบ้านโดยวางศพ ด.ญ.วนิดา ไว้ตรงที่พักเท้าของรถจักรยานยนต์ ก่อนจะขับไปจอดบริเวณสะพานข้ามลำน้ำคำ บ้านสามัคคีเก่า หมู่ 11 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 5 กม. แล้วจอดรถ จากนั้นได้อุ้มศพนำไปทิ้งลงลำน้ำคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายชำนาญไปชี้จุดที่ทิ้งศพ แล้วช่วยกันตามหา ปรากฏว่าพบศพ ด.ญ.วนิดา อยู่ในลำน้ำคำ ห่างจากจุดที่นายชำนาญทิ้งศพประมาณ 500 เมตร
จากการสอบสวนทราบว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านของพี่สาวของนายชำนาญ และยกห้องให้น้องชายอาศัยอยู่กับภรรยา 1 ห้อง ส่วนพี่สาวไปอยู่ อ.แม่สาย นานๆทีจะกลับมาที่บ้านสักครั้ง ที่ผ่านมานายชำนาญซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงรับว่าเคยทำร้ายลูกเลี้ยงบ้าง โดยนายชำนาญและนางนามูมีพฤติกรรมเสพสารเสพติดร่วมกันเป็นประจำ และขณะก่อเหตุอยู่ในอาการเมายา ไม่ได้มีปากเสียงกับแม่ของเด็กมาก่อน คาดว่านายชำนาญจะพลังมือทำร้ายลูกเลี้ยงที่ร้องไห้เสียงดังจนเสียชีวิตในขณะเมายา ทางพนักงานสอบสวน และแพทย์ประจำโรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง ได้ชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย และได้ควบคุมตัวนายชำนาญเพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ฆ่าผู้อื่น และปิดบังการตาย โดยการ ซ่อนเร้น ย้าย ทำลาย เพื่อปิดบัง การตาย เหตุที่ทำให้ตาย”
นางนาตยา แซ่ซัว ผช.ผญบ.บ้านห้วยผึ้ง กล่าวว่า นายชำนาญและนางนามูแม่ของเด็ก มาอยู่ด้วยกันได้ประมาณ 6 เดือนกว่า เท่าที่ทราบทั้งคู่มีพฤติกรรมชอบเสพยาเสพติด โดยจะมีน้องยีฉิ่ง วัย 2 ขวบ ซึ่งเป็นลูกติดฝั่งแม่อาศัยอยู่ด้วยกัน น้องยีฉิ่งเป็นเด็กน่ารัก และค่อนข้างอาภัพตั้งแต่เกิด เป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ แถมก่อนหน้านี้ไม่นานทราบมาว่าขาของน้องโดนท่อมอเตอร์ไซค์นาบ ทำให้ช่วงนี้น้องเดินไม่ได้ ไปไหนมาไหนต้องมีคนพาไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา นายชำนาญ (คนก่อเหตุ) ได้มาหาผู้นำชุมชน บอกว่าลูกเลี้ยงหายตัวออกจากบ้าน
โดยก่อนมาหาผู้นำทราบมาว่าเขาได้ไปถามหาลูกเลี้ยงกับพี่ชายที่นอนเฝ้าสวนยาง เมื่อไม่เจอก็เลยมาแจ้งทางผู้นำ หลังรับแจ้งทางผู้นำชุมชน จึงระดมกำลังทั้ง ชรบ. อปพร. ญาติๆ และชาวบ้านที่ทราบเรื่องช่วยกันตามหามาตลอด ซึ่งพวกตนคิดว่าจะต้องมีคนพาเด็กไป เพราะเด็กเดินไปเองไม่ได้ จนมาถึงวันที่ 10 พ.ค. แม่ของเด็กมาหาผู้นำ บอกว่าอยากจะแจ้งความเด็กหาย ส่วนพ่อเลี้ยงทราบว่าหนีไปที่ อ.แม่สาย เราก็พยายามติดต่อผ่านพี่สาวของเขาบอกเขาว่า หากเราไม่ได้ทำผิด ไม่ได้เอาเด็กไป ก็ไม่ต้องกลัว แต่ต้องกลับมาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนนายชำนาญเดินทางกลับมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตู้ยามเทอดไทก็ได้ควบคุมตัวไปสอบสวนทั้งฝ่ายพ่อเลี้ยงและแม่ของเด็ก และเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. วันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางชุมชนได้รับแจ้งว่าน้องถูกทำร้ายเสียชีวิตไปแล้ว โดยศพถูกนำไปทิ้งที่แม่น้ำคำ จึงพากันไปตามหาศพตามจุดที่คนร้ายบอกว่านำศพไปทิ้ง ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 10 กม. และไปพบศพห่างจากจุดทิ้งศพไปประมาณ 500 ม. โดยพ่อแท้ๆ ของน้องเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก
"ที่ผ่านมา ตนไม่เคยได้ยินว่าพ่อเลี้ยงเคยทำร้ายน้องมาก่อน แต่ทราบว่ามีพฤติกรรมเสพยา ไม่มีประวัติก่อเรื่องในชุมชน จนมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น ส่วนแม่ของเด็กเท่าที่ทราบจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ตอนเกิดเหตุแม่ของเด็กนอนอยู่ที่ด้านนอกห้อง ไม่ได้นอนกับเด็ก จึงไม่รู้เรื่องขณะที่นายชำนาญก่อเหตุ" ผช.ผญบ.บ้านห้วยผึ้ง กล่าว