บุกจับ กก.บริษัทจำหน่ายรถหรูนำเข้าเลี่ยงภาษีกว่า 160 ล้านบาท

บุกจับ กก.บริษัทจำหน่ายรถหรูนำเข้าเลี่ยงภาษีกว่า 160 ล้านบาท

19705 ก.พ. 68 19:00   |     Tum1

CIB บุกจับ กก.บริษัทจำหน่ายรถหรูนำเข้าเลี่ยงภาษีกว่า 160 ล้านบาท อ้างสมัครงานเป็นคนขับรถ-พนง.ขาย แต่ถูกนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้

(5 ก.พ.68) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. , ร.ต.อ.ศรัณยพงษ์ จังพนาสิน , ร.ต.อ.ปฏิภาณ เป็นสุข รอง สว.กก.2 บก.ปอศ. , ร.ต.ท.คณาธิป สงพิมพ์ รอง สว.(ป.) กก.2 บก.ปอศ.และ ด.ต.นิติธร ปานพวงแก้ว ผบ.หมู่ กก.2 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นายจักรี (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี บริเวณหน้าห้องพัก อาคารแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 2 ต.สามเรือน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลอาญา ที่ 403/2568 ลงวันที่ 21 ม.ค.68 ในความผิดฐาน “หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร” 


คดีนี้ หลังจากกรมสรรพากร ตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งประกอบกิจการขายรถยนต์และชิ้นส่วนอุปกรณ์รถยนต์หรู มีนายจักรี เป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจ มีพฤติกรรมในการเลี่ยงภาษี โดยการแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร จากการตรวจสอบประวัติการยื่นภาษีของบริษัทดังกล่าวย้อนหลัง ช่วงระยะเวลา 4 ปี (2554-2558) พบว่า มีการยื่นรายได้อยู่ที่ประมาณ 400 ล้านบาท เมื่อทำการตรวจสอบบัญชีธนาคารของบริษัทดังกล่าว กลับพบว่า มีเงินฝากเข้าบัญชีบริษัทกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีจำนวนสูงกว่ายอดรายได้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือ ภ.ง.ด.50 ต่อกรมสรรพากร และบริษัทไม่สามารถนำส่งเอกสารและชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกิจการหรือที่มาของเงินได้ 

การกระทำในลักษณะดังกล่าว เป็นการกระทำโดยการแจ้งความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใด เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 160 ล้านบาท ต่อมากรมสรรพากร จึงได้นำพยานหลักฐานมาร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามกฎหมาย



ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอศ.ได้ทำการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหานี้ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ ห้องพักแห่งหนึ่ง ใน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้นำกำลังเข้าไปทำการจับกุมตัว ตามหมายจับของศาลอาญาดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอศ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และอ้างว่าตนได้มาสมัครงานเป็นพนักงานขับรถยนต์และพนักงานขายที่บริษัทดังกล่าว โดยมีพนักงานฝ่ายบุคคล ได้ให้ตนมอบเอกสารส่วนบุคคล เพื่อใช้ในการสมัครงาน โดยไม่ทราบมาก่อนว่า ได้มีการนำเอกสารของตนไปเปิดและจดทะเบียนบริษัท ตนมาทราบภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวและได้แจ้งให้ตนทราบเท่านั้น

โอกาสนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปอศ.ฝากเตือนถึงประชาชน ห้ามขาย หรือให้บัตรประชาชนแก่ผู้อื่นโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ มิเช่นนั้นจะตกเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว ซึ่ง บก.ปอศ.ยืนยันว่า ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุก ป้องกันปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง