แม่แจ้งความ ลูกชายวัย 13 ปี ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายพร้อมกับอัดคลิป หลังตามทวงหนี้ชดใช้ค่าทำบุหรี่ไฟฟ้าพัง
แม่แจ้งความ ลูกชายวัย 13 ปี ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายพร้อมกับอัดคลิป หลังตามทวงหนี้ชดใช้ค่าทำบุหรี่ไฟฟ้าพัง

แม่แจ้งความยันเอาเรื่องถึงที่สุด ลูกชายวัย 13 ปี ถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายพร้อมกับอัดคลิปส่งต่อให้เพื่อนๆ หลังตามทวงหนี้ชดใช้ค่าทำบุหรี่ไฟฟ้าพัง พร้อมดอกเบี้ยรวม 600 บาท ครอบครัวคนก่อเหตุวอนหน่วยงานช่วยเหลือพาไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะเกินเยียวยาแล้ว ด้านตำรวจตามตัวผู้ก่อเหตุครบทั้ง 6 คนเป็นเยาวชนอายุ 13 - 16 ปี
(13 มี.ค.68) จากกรณีโลกโซเชียลมีการเผยแพร่คลิป เด็กชาย อายุ 13 ปี สวมชุดนักเรียนถูกทำร้ายร่างกาย โดยนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นและเอามือไพล่หลังภายในห้อง ซึ่งมีเยาวชนอีกหลายคนยืนล้อมรอบและถ่ายคลิปเอาไว้ ทั้งยืนถือบางอย่างลักษณะคล้ายกับมีดดาบอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมุมกล้อง ก่อนที่เยาวชนรูปร่างใหญ่จะทำร้ายด้วยการเตะเยาวชนที่นั่งคุกเข่ามือไพล่หลังหลายครั้ง จนแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกพร้อมกับร้องไห้ออกมา
ล่าสุด ที่ห้องประชุม รร. ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น นายศาสตรศิลป์ ฝ่ายสูญ ผอ.รร. พร้อมด้วย คณะผู้บริหารของโรงเรียน เจ้าหน้าที่จากเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 2 และทีมสหวิชาชีพ ตำรวจ สภ.บ้านไผ่ นักจิตวิทยา ฝ่ายปกครอง ได้มีการประชุมหาแนวทางในการดำเนินการช่วยเหลือผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว โดยได้เชิญ นางอัมพร อายุ 40 ปี แม่ของน้องโอม อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นป.5 ที่ถูกทำร้ายในคลิปมาสอบถามรายละเอียด และสาเหตุต่างๆที่เกิดขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือด้วย โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุปแนวทางในการช่วยเหลือตามที่ผู้ปกครองของน้องโอมที่ถูกทำร้ายเป็นกังวล โดยจะย้ายน้องโอมไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องพบกับคู่กรณีอีก และช่วยเหลือด้านต่างๆตามสิทธิ์
นาย ศาสตรศิลป์ ฝ่ายสูญ ผอ.รร. ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวภายหลังประชุมหาแนวทางช่วยเหลือผู้เสียหายว่า เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกโรงเรียน และมีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลเมื่อวานที่ผ่านมา กระทั่งทางโรงเรียนทราบเรื่องได้มีการประสานไปยังครอบครัวผู้เสียหายซึ่งเป็นนักเรียนของโรงเรียนสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทันที พร้อมทั้งรายงานไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 2 และดำเนินการช่วยเหลือพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ และได้พาเข้าแจ้งความที่สภ.บ้านไผ่ ทันที
และในวันนี้ได้มีการนัดหารือถึงแนวทางช่วยเหลือ โดยได้ข้อสรุปตามที่แม่ของนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายต้องการ และมีความกังวลว่าจะมีการก่อเหตุซ้ำ โดยได้มีการดำเนินการย้ายนักเรียนไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งในอำเภอบ้านแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนบุคคลภายนอกไม่สามารถเข้าไปภายในโรงเรียนได้ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คู่กรณีตามไปทำร้ายได้
ในส่วนของผู้ก่อเหตุนั้นทราบว่าเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน โดยทางผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายยืนยันจะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทางโรงเรียนจะเป็นผู้ให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในเรื่องของการแจ้งความด้วย ในส่วนของนักเรียนที่บาดเจ็บนั้นเบื้องต้นทราบว่าเป็นแผลถลอกฟกช้ำ แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตราย
ผอ.รร. บอกอีกว่า ในส่วนมาตรการป้องกันเหตุนั้นทางโรงเรียนมีมาตรการอยู่แล้ว แต่จะมีการเข้มงวดมากขึ้นโดยให้ทางครูผู้สอนใส่ใจในนักเรียนทุกคนให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อรับทราบปัญหาและหาแนวทางป้องกันช่วยเหลือ ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นนอกโรงเรียนจึงอยู่นอกเหนือการดูแลของทางโรงเรียน แต่ทั้งนี้โรงเรียนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหลังจากทราบเรื่องได้มีการรายงานไปยัง สพป.ขอนแก่น เขต 2 ทันที พร้อมให้การช่วยเหลือด้านต่างๆตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา
ขณะที่ นางอัมพร อายุ 40 ปี แม่ของน้องโอมที่ถูกทำร้ายในคลิป ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวแม่เพิ่งทราบเมื่อวานที่ผ่านมา เพราะลูกชายจะไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟัง และแม่เองก็จะทำงานเลิกค่ำ ซึ่งหลังจากที่เห็นคลิปแม่เองก็ตกใจ พยายามสอบถามลูกชายว่าทำไมไม่บอกแม่ โดยน้องโอมบอกว่ากลัวไม่กล้าพูดความจริง
ส่วนสาเหตุที่ลูกชายถูกทำร้ายนั้น ทราบว่าลูกชายขอสูบบุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แต่ทำบุหรี่ไฟฟ้าพัง ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นเจ้าของบุหรี่ไฟฟ้าต้องการให้ชดใช้ เป็นเงิน 600 บาท โดยลูกชายบอกว่าเฉพาะตัวเครื่องบุหรี่ไฟฟ้านั้นราคาแค่ 300 บาท แต่ถูกเรียกเอาดอกเบี้ยด้วยอีก 300 เป็น 600 บาท และถูกตามทวงหนี้มาตลอด เนื่องจากห้องเช่าของผู้ก่อเหตุกับตนเองนั้นอยู่ติดกัน ซึ่งผู้ก่อเหตุจะเรียกลูกชายไปทำร้ายหลายครั้ง และทุกครั้งก็มีคลิปวิดีโอ ซึ่งแม่ก็เห็นทั้งหมดแล้วประมาณ 5-6 ครั้ง แต่ก็ไม่ทราบว่าถูกทำร้ายมานานเท่าไหร่
กระทั่งมามีคลิปล่าสุดที่ถูกทำร้ายเมื่อวานที่ผ่านมา ยืนยันขอดำเนินคดีให้ถึง ในเรื่องค่าเสียหายเยียวยานั้นส่วนตัวไม่ต้องการ ขอเพียงแค่ตำรวจดำเนินคดีกับคนที่ทำร้ายลูกชายก็พอใจแล้ว และจะย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นด้วยเช่นกัน หลังจากที่ลูกชายย้ายไปเรียนที่โรงเรียนอื่น ตอนนี้ยังรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลัวว่ากลุ่มคนก่อเหตุจะย้อนกลับมาทำร้ายลูกชาย รวมทั้งตนเองด้วย เพราะกลุ่มที่ทำร้ายลูกชายนั้นทราบว่ามีเป็นแก๊งอันธพาล จึงไม่กล้าที่จะอยู่ที่เดิม เนื่องจากผู้ก่อเหตุและตนเองนั้นมีห้องเช่าอยู่ติดกัน
ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้านั้นก็เพิ่งทราบพร้อมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าลูกชายสูบบุหรี่ไฟฟ้าด้วย โดยเชื่อว่าหลังจากที่ลูกชายย้ายไปอยู่โรงเรียนกินนอนก็จะสามารถเลิกยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าได้ และจะสามารถเรียนหนังสือจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ได้อย่างปลอดภัย
ด้าน นางสาวแพง พี่สาวของ นายเล็ก อายุ 16 ปี คนที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายน้องโอมในคลิป เผยว่า ตนเองกับนายเล็กเป็นพี่น้องต่างมารดากัน ซึ่งพ่อแม่ของนายเล็กนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่นายเล็กยังเป็นเด็ก มีตนเองและพี่ชายอีกคนช่วยกันเลี้ยงดูอยู่ที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กระทั่งช่วงที่นายเล็กอายุ 14 ปีเริ่มมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และมีนิสัยทำตัวเป็นนักเลง จนพี่สาวและพี่ชายไม่สามารถสั่งสอนได้
ทุกครั้งที่บอกที่สอนก็จะคิดน้อยใจว่าพี่ไม่รักทำร้ายตัวเองอย่างนั้นอย่างนี้ กระทั่งนายเล็กไปบวชอำเภอน้ำพอง และสึกออกมาก็แอบกลับมาหาพี่ชายที่อำเภอบ้านไผ่เองโดยที่ไม่ได้บอกใคร โดยมาอาศัยอยู่ที่บ้านไผ่กับพี่ชายได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว โดยไม่ได้มีการพูดคุยหรือติดต่อกับตนเองอีกเลย กระทั่งตนเองมาทราบอีกทีก็เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น
และก่อนจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นนั้นนายเล็กได้โทรมาหาตนเองบอกว่า แม่ของคนเจ็บนั้นหาว่านายเล็กเป็นขโมยเข้าไปรื้อค้นในบ้านขโมยเงินไป 80 บาท พร้อมกับด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้นายเล็กโมโห ซึ่งตนเองก็ไม่ได้เชื่อ และพยายามบอกว่าอย่าไปทำอะไรครอบครัวของผู้ที่ถูกทำร้าย กระทั่งเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ส่วนตัวก็อยากจะให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะครอบครัวไม่สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว เนื่องจากนายเล็กมีพฤติกรรมทำตัวเป็นนักเลงจนเกินเยียวยา
ในส่วนของทางคดีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บ้านไผ่ ได้ติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ รวมทั้งหมด 6 คน มาสอบที่ สภ.บ้านไผ่แล้ว โดยมีทีมสหวิชาชีพร่วมในการสอบถ้อยคำด้วย ซึ่งหลังจากทีมสหวิชาชีพสอบถ้อยคำเสร็จก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการสอบสวนของทางพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตร.กำแพงเพชร รวบชายวัย 52 ปีคาด่านตรวจ พร้อมยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 3 กก.ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
