ไฟไหม้โรงแรมเรือร้างเกาะช้างนาน 2 ชั่วโมง เสียหายไปแล้ว 50%

ไฟไหม้โรงแรมเรือร้างเกาะช้างนาน 2 ชั่วโมง เสียหายไปแล้ว 50%

218103 ธ.ค. 67 14:27   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ไฟไหม้โรงแรมเรือร้างเกาะช้างนาน 2 ชั่วโมง เสียหายไปแล้ว 50% คาดเพลิงจะดับลงในเวลา 3 วัน

(3 ธ.ค.67) พ.ต.อ.วัลลภ กลางวันทิพย์ ผู้กำกับสภ.เกาะช้าง จังหวัดตราด ได้รับแจ้งว่าที่บริเวณโรงแรมเรือร้าง (เกาะช้างแกรนด์ลากูน่า) หมู่ 1 บ้านบางเบ้าตำบลเกาะช้างใต้อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราด ได้เกิดเพลิงไหม้ที่บริเวณท้ายเรือ และกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ขอให้ส่งพนักงานสอบสวนเดินทางมาตรวจสอบ


หลังจากทราบข่าวผู้กำกับสภ.เกาะช้างและประสานงานกับทางนายจักรกฤษ สลักเพชร นายกเทศบาลตำบลเกาะช้างใต้ และรายงานไปยังนายอำเภอเกาะช้างนายนริศ ปาลกวงศ์ ณ อยุธยา เพื่อเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงของทางเทศบาลตำบลเกาะช้างใต้ เพื่อเดินทางไปช่วยดับเพลิงเนื่องจากระยะทางห่างไกลจากพื้นที่ และอยู่บริเวณท้ายเกาะช้าง


นายจักรกฤษ สลักเพชร กล่าวหลังจากที่เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพบว่า สถานการณ์เพลิงไหม้มีความรุนแรงมากกว่าที่ได้รับรายงาน รถดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คน  ต่างระดมการช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถที่จะดับเพลิงที่มีความรุนแรงได้ เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้จากชั้นล่างไปยังชั้นบน คือชั้นที่ 5 และกำลังลุกลามจากท้ายเรือไปยังหัวเรือ ซึ่งมีความเสียหายไปแล้วเกือบ 50% นอกจากนี้ยังมีลมพัดกระโชกแรงที่บริเวณที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ทำให้เพลิงลุกไหม้รุนแรงมากยิ่งขึ้น



โดยในเวลา 13:45 น. ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับนายอำเภอเกาะช้าง ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างแล้ว น่าจะไม่สามารถที่จะดับเพลิงให้ดับลงได้ เนื่องจาก ไฟไหม้รุนแรงมากเกินไป รวมทั้งโรงแรมเรือร้างแห่งนี้ เป็นไม้ที่มีสภาพที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไม่สามารถที่จะดับเพลิงได้ จึงทำได้แต่เพียงควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง คาดว่าทั้งหมดจะดับลงในเวลา 3 วัน


นายจักรกฤษ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ต้องรอหารือกับทางผู้บริหารหรือเจ้าของคือนายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมโรงแรมเรือนี้ทราบว่า ระหว่างเกิดเหตุไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชมแต่อย่างใด


สำหรับโรงแรมร้างแห่งนี้ นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ที่เป็นนักลงทุนอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรีได้นำไปประกอบธุรกิจที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากสถานการณ์ภายในประเทศกัมพูชามีความน่าไว้วางใจ จึงได้ถอนการลงทุนและมาซื้อที่ดินที่บริเวณบ้านบางเบ้าติดกับคลองกลอย และนำเรือลำนี้ที่เป็นเรือที่มีห้องพักสามารถรับนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนได้ พร้อมลงทุนทำโรงแรมที่เรียกว่าโรงแรมเรือหรือโฟร์ติ้ง Hotel และเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งได้รับ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดี


อย่างไรก็ตาม สภาพธุรกิจที่ไม่ไม่ดีในหลายปีก่อน ทำให้นายโอฬารเคยประกาศขายธุรกิจที่พื้นที่แห่งนี้ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีการซื้อขายอย่างเป็นทางการ


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง