เด้ง "รองฟาง - ดาบยาว" ตร.ในสังกัดถูก"ทนายตั้ม"โยงพันเส้นเงินพนันออนไลน์

(27มี.ค.67) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท (ตำรวจไซเบอร์) เปิดเผยถึงกรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แถลงเปิดโปงขบวนการรับส่วยและเส้นทางการเงินที่พาดพิงถึงตำรวจ ยศดาบตำรวจ และยศพ.ต.ท. สังกัด บก.สอท.2 เมื่อวานนี้ (26มี.ค.) ก่อนมีคำสั่งย้ายนายตำรวจทั้ง 2 ไปประจำที่ ศปก.ตร.

พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า แนวทางปฏิบัติของตำรวจไซเบอร์ เมื่อมีตำรวจที่ถูกพาดพิง โดยเราจะมีคำสั่งให้ไปประจำที่ ศปก.ตร. ในเบื้องต้น ที่เป็นแนวทางปฏิบัติมาตั้งแต่ต้นที่เข้ามารับตำแหน่ง รวมถึงจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ในเรื่องที่ถูกพาดพิงและมีหลายหน่วยงาน หลายพื้นที่ที่ถูกพาดพิง ซึ่งเป็นข้อมูลตั้งแต่ปี 62 - 63 เป็นต้นมา

"เราก็จะดำเนินการตรวจสอบนายตำรวจที่ถูกพาดพิงตั้งแต่มาปฏิบัติหน้าที่ที่สอท. รวมถึงข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมากับผู้กำกับท่านนึงที่ไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.เตาปูน เป็นข้อมูลเดียวกัน" พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าว

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า การที่นายษิทราจะนำข้อมูลไปยื่นให้กับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. ในวันพรุ่งนี้ ก็ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องการตรวจสอบเพราะมีทั้งสน.เตาปูนกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแลด้วย

"ในยุคนี้ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหนก็ถูกตรวจสอบทั้งสิ้น ทั้งจากข้าราชการด้วยกันเองหรือบุคคลภายนอก ซึ่งเชื่อว่าการตรวจสอบจะยิ่งเข้มข้นมากในอนาคตและเราต้องพร้อมรับการตรวจสอบทั้งสิ้น สอท. ก็จะดำเนินการทั้ง 2 ส่วน การตรวจสอบควบคู่กันไป" พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุ

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า จากข้อมูลที่เราดูเส้นเงินจะเห็นถึงการกระทำความผิดหลายประเภทหนึ่งในนั้นคือเว็บพนัน ซึ่งเราต้องตรวจสอบในเส้นเงิน แต่เรื่องของเส้นเงินเป็นการดำเนินการของสน.เตาปูนและตำรวจสอบสวนกลาง หากพรุ่งนี้นายษิทราไปร้องที่ตำรวจสอบสวนกลางจริงก็จะเป็นตำรวจสอบสวนกลางที่ตรวจสอบและดำเนินคดี หากพบว่ากระทำความผิดจริง

ผู้สื่อข่าวถามถึงที่นายษิทราอ้างว่ามีลักษณะการเก็บเงินหน้าเสื่อแล้วส่งไปให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าหลักฐานที่นำมาชี้แจงกับหลักฐานการเงินว่าเชื่อมกันลักษณะไหน ส่วนตำรวจสอท. ก็จะต้องตรวจสอบในเรื่องวินัยและการดำเนินการเพราะการดำเนินคดีอาญามีการดำเนินการของสน.เตาปูนและสอบสวนกลางที่จะมีการร้องในวันพรุ่งนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการสอบถามนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาพาดพิงหรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า ไม่ได้สอบถาม แต่เราคณะกรรมการฯตรวจสอบในเรื่องของข้อเท็จจริง โดยให้ตรวจสอบในประเด็นที่ถูกพาดพิงถึงในภาพรวมของสอท.ทั้งหมด 

"ส่วนเรื่องอื่นที่มีการพาดพิงถึงหน่วยงานอื่นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นในการตรวจสอบเพราะไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหนก็ล้วนต้องถูกตรวจสอบทั้งสิ้น ส่วนกรอบระยะเวลาก็ได้สั่งให้ดำเนินการให้เร็วที่สุดและรายงานให้ทราบเป็นระยะ" พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุ

ส่วนกรณีที่เพจของทนายตั้มถูกปิดกั้นก่อนจะมีการแถลงข่าวแล้วถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ สอท.หรือไม่นั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ บอกว่า ไม่เกี่ยวกับสอท. เพราะเพจปิดก็เปิดได้ หากมีการร้องขอไม่กี่ชั่วโมงและไม่รู้ว่าจะทำไปทำไมเพราะเป็นข้อมูลเดิม ๆ

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่ากรณีที่มีการพาดพิงจากการแถลงข่าวของนายษิทราว่ามีการใช้ห้องหนึ่งในสอท.เพื่อส่งยอดและรับยอดเงินส่วยทุกวันที่ 25 ของเดือน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และมีห้องอยู่จริงหรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะห้องนั้นเป็นห้องของผู้บังคับบัญชาเป็นห้องรองผู้บัญชาการจะเข้าไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร 

"ตนเองไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเพราะเป็นสำนักงานมีหน้าห้องนั่งอยู่ปกติ ตนเองพร้อมให้ตรวจสอบ ใครจะตรวจสอบก็มาตรวจสอบได้ เนื่องจากเป็นข้าราชการก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ" พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุ

ส่วนกรณีที่ถูกมองว่าสอท.เป็นแหล่งเงินที่มีการหารายได้กันมหาศาลนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ใช่เพราะถ้าตำรวจหน่วยไหนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนั้น ๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ และมักจะถูกพาดพิงและถูกตรวจสอบ เช่น ตั้งแต่ตนเองรับตำแหน่งมาก็มีการจับกุมเว็บพนันและยึดทรัพย์ไปหลายพันล้าน 

ทั้งนี้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ได้กล่าวถึงการที่เป็นหน่วยงานที่จับบัญชีม้า แต่กลับถูกพาดพิงว่าใช้บัญชีม้าเองนั้น ว่า คงต้องไปให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบเพราะก็สามารถดำเนินคดีกับเราได้ และตนเองได้มีการกำชับในการทำงานให้หนักขึ้นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าตำรวจสอท.มองว่าการถูกพาดพิงครั้งนี้เป็นหนึ่งในหมากที่อยู่เกมของตำรวจระดับสูงหรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ เผยว่า ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบว่ามีเสียงสะท้อนแบบนี้จะทำอย่างไร ก็ให้หน่วยงานอื่นมาตรวจสอบเราได้

#ข่าวเวิร์คพอยท์23