เตือน! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็น DSI โทรหาว่ามีคดี วางสายทิ้งทันที

เตือน! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็น DSI โทรหาว่ามีคดี วางสายทิ้งทันที

73318 พ.ค. 68 11:38   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

เตือนภัย! มิจฉาชีพแอบอ้างเป็น DSI โทรหาว่ามีคดี วางสายทิ้งทันที มันคือโจร

(18 พ.ค.68) แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างเป็นตำรวจเป็นปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย พวกเขามักจะโทรหาเหยื่อโดยอ้างว่าเป็นตำรวจจากหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจท้องที่ ตำรวจไซเบอร์ หรือหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด และDSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ


ล่าสุด DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ โพสต์เตือนประชาชน โดยระบุว่า ประกาศ ท่านใดถูก DSI โทรหาว่ามีคดี และทำพฤติการณ์ดังต่อไปนี้ วางสายทิ้งทันที มันคือโจร



ไม่เชื่อ ไม่กลัว ไม่โอน สงสัยอะไรสอบถาม DSI ตัวจริงก่อน โทร DSI 1202 (ในเวลาราชการ)

หรือ AOC 1441 (ตลอด24ชั่วโมง)


วิธีการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้โดยทั่วไปมีดังนี้:


การโทรศัพท์: คนร้ายจะโทรหาเหยื่อโดยใช้หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย หรืออาจปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์ให้ดูเหมือนเป็นเบอร์ของหน่วยงานราชการ


การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่: พวกเขาจะแนะนำตัวว่าเป็นตำรวจ และแจ้งว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรมต่างๆ เช่น คดียาเสพติด การฟอกเงิน หรือการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ


การข่มขู่และสร้างความตกใจ: คนร้ายจะใช้คำพูดที่รุนแรง ข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี จับกุม หรืออายัดทรัพย์สินของเหยื่อ หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง


การหลอกลวงให้โอนเงิน: พวกเขาจะออกอุบายต่างๆ ให้เหยื่อโอนเงินเพื่อ "ตรวจสอบความบริสุทธิ์" "ประกันตัว" หรือ "ดำเนินการทางกฎหมาย" โดยมักจะเร่งรัดให้เหยื่อรีบตัดสินใจและโอนเงินโดยเร็ว


สัญญาณเตือนภัยที่คุณควรระวัง:


การโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิด: หากคุณได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ไม่รู้จัก อ้างว่าเป็นตำรวจ และแจ้งว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม


การสร้างความตกใจและกดดัน: หากผู้โทรพยายามทำให้คุณตกใจ กลัว หรือกดดันให้คุณตัดสินใจอย่างรวดเร็ว


การขอข้อมูลส่วนตัวหรือทางการเงิน: หากผู้โทรขอข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญ เช่น หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัส ATM หรือรหัส OTP


การสั่งให้โอนเงิน: หากผู้โทรสั่งให้คุณโอนเงินไปยังบัญชีใดบัญชีหนึ่ง โดยอ้างว่าเป็นค่าดำเนินการ หรือเพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์


สิ่งที่คุณควรทำหากตกเป็นเป้าหมาย:


ตั้งสติและอย่าตกใจ: อย่าหลงเชื่อคำขู่ของผู้โทร


อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว: ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินใดๆ ทั้งสิ้น


ตรวจสอบข้อเท็จจริง: วางสายทันที และโทรศัพท์ไปยังหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างโดยตรง (เช่น สถานีตำรวจ) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงด้วยหมายเลขโทรศัพท์ที่คุณหามาเอง ไม่ใช่หมายเลขที่ผู้โทรให้มา


แจ้งความ: หากคุณสงสัยว่าถูกหลอกลวง หรือได้โอนเงินไปแล้ว ให้รีบแจ้งความกับตำรวจทันที หรือโทรสายด่วน 1441 (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี)


หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและช่องทางการติดต่อ:


ตำรวจ: สถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือสายด่วน 191


ตำรวจไซเบอร์: กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือโทร 1441


ศูนย์รับแจ้งความออนไลน์: https://thaipoliceonline.com/


การตระหนักรู้ถึงกลโกงเหล่านี้และการมีสติจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat