จับเครือข่ายลักไฟหลวง
จับเครือข่ายลักไฟหลวง

CIB ขยายผลจับเครือข่ายลักไฟหลวงขุดคริปโทฯ ทำรัฐเสียหายกว่า 50 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุม
1. นายไกรลาศ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6243/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
2. นายณัฐพล (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6244/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
3. นายจีรพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6245/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
4. น.ส.อัมพกา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6246/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
5. นายภราดร (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 6247/2567 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์”
6. นายณัฐพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ 1/2568 ลงวันที่ 31 มกราคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นพนักงานเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดสำหรับตนเองหรือสำหรับผู้อื่นโดยมิชอบฯ”
สถานที่จับกุม
1. นายไกรลาศ ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่งใน ต.คลองพระอุดม อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี
2. นายณัฐพล ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณคอนโดมิเนียนแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
3. นายจีรพงษ์ ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ใน อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี
4. น.ส.อัมพกา ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองนครปฐม จ.นครปฐม
5. นายภราดร ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในตัวอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี
6. นายณัฐพงศ์ ถูกจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในตัวเมืองสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นบ้านต้องสงสัยจำนวน 9 หลัง ในพื้นที่จังหวัด
สุราษฎร์ธานี จึงพบว่าบ้านทั้ง 9 หลัง เป็นที่สถานที่ติดตั้งเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัลกว่า 111 เครื่อง และได้ดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้วัดค่าปริมาณการใช้กระแสไฟฟ้าได้น้อยกว่าความเป็นจริง จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล จนพบเครือข่ายผู้กระทำความผิด ทั้งในส่วนของผู้เชื่อมต่อระบบไฟฟ้ากับเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัล (ผู้ดูแลเครื่อง) , ช่างดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าฯ , ผู้ลงทุนซื้อเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัล เพื่อไปติดตั้งไว้บริเวณสถานที่ ที่มีการลักไฟฟ้า จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลอาญา เพื่อจับกุมผู้ต้องหาข้างต้นตามลำดับที่ 1 - 5
วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้สืบสวนพบโรงงานไม้แปรรูปแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี มีการลักกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้สำหรับเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัล จึงร่วมกับเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เข้าตรวจค้นโรงงานดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัล ติดตั้งอยู่ภายในโรงงาน กว่า 97 เครื่อง เมื่อเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าของโรงงาน พบมีร่องรอยแก้ไขดัดแปลง เพื่อลักกระแสไฟฟ้า จึงได้ตรวจยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่า มีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝ่ายมิเตอร์และหม้อแปลง ที่รับผิดชอบมิเตอร์ในพื้นที่โรงไม้แปรรูปข้างต้น มีการเรียกรับสินบนเพื่อปกปิดข้อมูลการใช้ไฟฟ้าที่แท้จริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 เพื่อจับกุมผู้ต้องหาลำดับที่ 6 ซึ่งความเสียหายต่อรัฐครั้งนี้ มีมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ได้เปิดปฏิบัติการจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้นได้ทั้งเครือข่าย สอบถามผู้ต้องหาที่เป็นผู้ลงทุนซื้อเครื่องขุดเงินสกุลดิจิทัล ยอมรับว่า ตนเป็นผู้ลงทุนซื้อเครื่องฯ ไปวางไว้ตามจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้จริง แต่ไม่ทราบว่าผู้ดูแลเครื่องฯ ใช้วิธีการลักไฟฟ้ามาเพื่อใช้ในการขุดเงินสกุลดิจิทัล จึงจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
