ฝากขังนายห้างเก๋งโหด ขับไล่ชนไรเดอร์อัดเสาไฟดับกลางกรุง

ฝากขังนายห้างเก๋งโหด ขับไล่ชนไรเดอร์อัดเสาไฟดับกลางกรุง

33522 ม.ค. 68 16:11   |     AdminNews

ตร.เผย 'นายห้างเก๋งโหด' พฤติการณ์ขาดสติ-อารมณ์ร้อนมาก แต่ไม่มีประวัติรักษาอาการป่วยใดๆ - หลังสอบสวนผู้ก่อเหตุยังไม่ได้พูดอะไรถึงเรื่องการรับผิดชอบ

22 ม.ค.68 เวลา 10:42 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้ควบคุมตัวนายเสรี อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆ่าผู้อื่นในเจตนาจากกรณีขับรถพุ่งชนไรเดอร์เสียชีวิตบริเวณปากซอยสุขุมวิท 10 ไปส่งฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยตั้งแต่ที่นายเสรีถูกควบคุมตัวออกจากห้องขัง ในส่วนของคดีเบื้องต้น นายเสรี ถูกดำเนินคดีใน 2 ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น โดยผู้ก่อเหตุดังกล่าวเป็นชาวไทย สัญชาติไทย เชื้อสายอินเดีย 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โดนข้อหาหนัก! หนุ่มขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์อัดเสาไฟเสียชีวิต

ระทึกกลางกรุง! ไรเดอร์มีปากเสียงกับเก๋ง ก่อนถูกชกและโดนไล่ชนอัดเสาไฟดับ


สำหรับบรรยากาศที่ สน.ลุมพินี เช้าวันนี้ พบว่าพ่อและญาติรวมประมาณ 7 คน เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหา แต่ปรากฏว่าพ่อและบรรดาญาติปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และให้ข้อมูลกับสื่อ โดยเฉพาะพ่อของนายเสรี ที่ยกมือไหว้ร้องขอปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ซึ่งหลังจากที่เยี่ยมนายเสรี เสร็จแล้ว ทั้งหมดได้เข้าไปหลบสื่อมวลชนภายในห้องพนักงานสอบสวน 


จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าเวรหน้าห้องควบคุมผู้ต้องหา เปิดเผยว่า นายเสรี มีอาการท่าทีเหมือนผู้ต้องหาทั่วไป คือ นั่งเดิน และ นอน แต่ตัวนายเสรี เองไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ จากการพูดคุยระหว่างเข้าไปตรวจห้องขังก็พูดคุยตามปกติ 


ขณะที่ญาติได้นำน้ำดื่มและชาแขก มามอบให้ ซึ่งนายเสรี ก็รับประทานได้ตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายเสรี ส่งฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อไป


ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า นายเสรี สำนึกผิดแล้ว อยากจะกล่าวขอโทษอะไรกับครอบครัวผู้สูญเสียหรือไม่ ปรากฏว่านายเสรีซึ่งสวมหน้ากากอนามัยไม่ตอบคำถาม แต่แสดงอาการสะอึกสะอื้นร้องไห้เป็นระยะ ๆ จนกระทั่งนำตัวขึ้นรถผู้ต้องขัง เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งต้องการจะพูดแสดงความสำนึกผิดต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตที่ต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัว นายเสรีไม่ตอบคำถามใด ๆ ได้แต่นั่งก้มศีรษะสะอึกสะอื้นร้องไห้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวออกไปจาก สน.ลุมพินี 


ต่อมาเวลา 10:50 ครอบครัวของนายเสรีได้ขึ้นรถยนต์เก๋งสีดำขับออกจาก สน.ลุมพินี คาดว่ามุ่งหน้าต่อไปยังศาลอาญากรุงเทพใต้ 


ด้าน พล.ต.ต. วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และฝากขังผู้ต้องหาในวันนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีอัตราโทษสูง และเกรงว่าจะหลบหนี


จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล และไม่ให้การใดๆ เลยตลอดการสอบปากคำ โดยมีทนายความของผู้ก่อเหตุอยู่ด้วย ซึ่งจากพฤติการณ์ พบว่า ผู้ต้องหากับผู้เสียชีวิตมีปากเสียงกันมาก่อนบริเวณใกล้แยกอโศก จนมาถึงประมาณสุขุมวิท ซอย 10 ผู้เสียชีวิต ได้ขับรถมาขวางรถผู้ก่อเหตุ และมีการขับเฉี่ยวชนรถ 1 รอบ และผู้เสียชีวิตทุบกระจกไป 1 ครั้ง ก่อนที่ผู้ต้องหาออกมาจากรถ และทำร้ายไปที่ตัวผู้เสียชีวิต ซึ่งผู้เสียชีวิตได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หนีไป และผู้ก่อเหตุขับตามจนเกิดการเฉี่ยวชนอีกครั้ง บริเวณปากซอยสุขุมวิทซอย 8 


ทั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าผู้เสียชีวิต ได้มีการยกมือไหว้หรือไม่ แต่ผู้เสียชีวิตพยายามที่จะออกจากที่เกิดเหตุแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุยังคงขับรถติดตามมา และจากการสอบสวน พบอีกว่าผู้ก่อเหตุดูแล้วเป็นคนอารมณ์ร้อนมาก แต่ไม่มีประวัติเกี่ยวการรักษาอาการป่วยใดๆ และไม่พบสารเสพติดหรือแอลกอฮอล์ในร่างกาย


ส่วนครอบครัวผู้ก่อเหตุ ทราบว่า เมื่อวานนี้ ได้มีการพูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิต คาดว่าจะมีการพูดคุยเรื่องการรับผิดชอบ ส่วนตัวของผู้ก่อเหตุสำนึกหรือมารับผิดชอบหรือไม่นั้น พล.ต.ต.วิทวัฒน์ กล่าวว่า เขายังนิ่ง ไม่พูดอะไรถึงเรื่องการรับผิดชอบ ส่วนจะไปกราบศพหรือไม่ก็ยังไม่ทราบ


อย่างไรก็ตาม ในคดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับให้ทำตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จึงอยากให้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตสบายใจได้ และจากการที่ตนเองได้พูดคุยกับภรรยาผู้เสียชีวิตในวันนี้ ก็ได้ให้คำยืนยันชัดเจนว่า เรื่องของคดีความก็เป็นอีกเรื่องนึง ไม่เกี่ยวกับการเยียวยา เพราะจะดำเนินคดีถึงที่สุดอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เป็นกังวลคือ ผู้เสียชีวิตเป็นกำลังหลักของครอบครัว มีลูกทั้งหมด 4 คนอยู่ในวัยเรียน 3 คน และวัยทำงาน 1 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตจะต้องหาเลี้ยงครอบครัวทั้งหมด 7 คน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะต้องเป็นเรื่องที่ครอบครัวต้องแบกรับภาระ ซึ่งเรื่องของความเดือดร้อนของทางครอบครัวหลังจากนี้ ทางตำรวจยินดีเข้าไปให้การช่วยเหลือตลอดเวลา


นอกจากนี้ น.ส.สายใจ ตามบุญ อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจด้วยเช่นกัน เพื่อติดต่อเอกสารขอรับศพ โดย น.ส.สายใจ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้าบอกว่า “วันนี้เธอจะไปรับศพสามีที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ ก่อนนำไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดคลองเตยใน.


เบื้องต้นได้พูดคุยกับทางตำรวจ ญาติของผู้ก่อเหตุได้บอกผ่านกับทางเจ้าหน้าที่ และรับปากว่า จะรับผิดชอบค่าจัดงานศพให้ ส่วนเรื่องเยียวยายังไม่ได้พูดคุย ซึ่งเห็นว่าญาติฝั่งเขา จะเข้ามาขอขมาศพสามีแทนนายเสรีด้วย - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน

TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง