คุมตัวทำแผน สองผัวเมียชิงทอง 10 บาท เมียเผยทั้งน้ำตายอมรับขอร้องให้สามีทำ เพราะต้องการเงินใช้หนี้

คุมตัวทำแผน สองผัวเมียชิงทอง 10 บาท เมียเผยทั้งน้ำตายอมรับขอร้องให้สามีทำ เพราะต้องการเงินใช้หนี้

77604 เม.ย. 68 16:18   |     Tum1

ตำรวจคุมตัวสองผัวเมียชิงทอง 10 บาทกลางห้างย่านบางพลีไปทำแผน ขณะเมียเผยทั้งน้ำตายอมรับขอร้องให้สามีทำ เพราะต้องการเงินใช้หนี้ที่กู้มาหวังไปทำงานต่างประเทศ

(4 มี.ค.68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี และฝ่ายสืบสวนชุดจับกุม ร่วมกันนำตัว น.ส.อรสา หรือ หญิง (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี และ นายพีรัช หรือ พี (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี สองสามีภรรยาที่ร่วมกันวางแผน และก่อเหตุชิงสร้อยคอทองคำที่ร้านทองแห่งหนึ่ง กลางห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 2 มี.ค.68 ที่ผ่านมา 

ก่อนจะถูกตำรวจติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านเกิดใน จ.สกลนคร พร้อมของกลางทั้งตั๋วจำนำ , สร้อยคอทองคำที่เหลือ , เงินสดจากการจำนำทอง และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ มายัง สภ.บางพลี และพาตัวผู้ต้องหาชี้จุด ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยจุดแรกเป็นหน้าร้านทองภายในห้าง จุดที่สองเป็นจุดที่ทิ้งเสื้อผ้าและอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และจุดที่ 3 คือจุดที่จอดรถก่อนจะหลบหนีไป จ.สกลนคร 


น.ส.อรสา ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุจริงและเป็นผู้ที่วางแผนให้สามีไปก่อนเหตุ สาเหตุที่ทำลงไปเพราะต้องหาหาเงินไปคืนยาย และใช้หนี้สินที่กู้และยืมมารวมกว่า 1,000,000 บาท ที่ก่อนหน้านี้ช่วงกลางปี 2567 ตนติดต่อกับบุคคลที่รู้จักกรคนหนึ่ง ชื่อว่า "นายเติ้ล" มาชักชวนให้ไปทำงานที่ต่างประเทศ จนมีการตกลงและโอนเงินค่าเดินทางไป ครั้งแรก 50,000 บาท แต่ก็ยังไม่ได้ไป และนายเติ้ลได้แจ้งว่าหากอยากได้เงินคืนจะต้องโอนเงินเพิ่มค่ำดำเนินการ ซึ่งหลงเชื่อเพราะอยากได้เงินคืน จึงมีการโอนเงินไปรวมเกือบ 1,000,000 บาท 

ซึ่งเงินดังกล่าวตนและสามีไปกู้นอกระบบและให้ยายเอาที่ดินไปจำนอง รวมถึงหยิบยืมคนอื่นมา เพื่อหวังไปทำงานที่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายไม่ได้ไป และถูกหลอกจนกลายเป็นหนี้สินกว่า 1,000,000 บาทดังกล่าว จนต่อมาช่วงปลายปีที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นหนี้สิน จึงตัดสินใจเดินทางไปเป็นผีน้อย(แรงงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ) ตามคำแนะนำของเพื่อน ที่เคยไปทำงานและเป็นผีน้อยในเกาหลี ซึ่งครั้งที่ 2 ก็ให้ยายกู้เงินมาให้เช่นเดิม แต่พอเดินทางไปแล้วกลับพบว่า เป็นการหลอกลวงให้ไปค้าประเวณีที่นั่น จึงตัดสินใจหนีกลับและซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเอง 



กระทั่งเดือนนี้ทางบ้านนัดรวมญาติกัน เพื่อเตรียมร่วมบุญผ้าป่าวันสงกรานต์ของวัดในหมู่บ้าน ตนจึงถูกกดดันให้หาเงินไปคืนยายและเจ้าหนี้ เนื่องจาก ทางบ้านรู้ว่าตนไปทำงานต่างประเทศ หวังได้เงินกลับมาร่วมบุญผ้าป่าและใช้หนี้ อีกทั้งยายล้มป่วยไม่มีเงินรักษา จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบหมดทางออก ตัดสินใจไปขอร้องกับสามีขอให้ช่วยก่อเหตุชิงทองดังกล่าว ยอมรับว่า ตนคิดและวางแผนก่อเหตุเองทั้งหมด ด้วยการทำทีไปติดต่อขอซื้อทองที่ร้านดังกล่าว ส่วนที่เลือกร้านดังกล่าว มองว่า มาตรการรักษาความปลอดภัยไม่เข้มงวดเหมือนร้านข้างนอก ซึ่งตอนแรกสามีก็ไม่อยากทำ และยังบอกว่าทำแล้วก็ได้ไม่คุ้มเสีย และไม่รอดจากการถูกจับกุมแน่ แต่สุดท้ายด้วยความที่สามีรักตนเองจึงยอมทำตามแผนและไปก่อเหตุดังกล่าว  


ผู้ต้องหากล่าวต่อด้วยว่า หลังก่อเหตุเสร็จก็นัดเจอกับสามีที่ห้างฯแห่งหนึ่ง เพื่อรอขึ้นรถของน้าสาวที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดพอดี เมื่อไปถึงก็เอาทองไปจำนำในร้านรับจำนำแห่งหนึ่งที่สกลนคร จำนวน 1 เส้น ได้เงินมา 120,000 บาท หลังจากได้เงินก็รีบเอาเงินไปคืนยาย 30,000 บาท เพื่อไปใช้หนี้และจ่ายค่ารักษาตัวของยาย จนกระทั่งถูกตำรวจตามไปถึงบ้าน


     

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาทั้งสองคน ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการในข้อหา "ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ โดยใช้ยาพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม" - ข่าวเวิร์คพอยท์รายงาน


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Thailand Web Stat