คืบรถทัวร์เบรกแตกชนรถพ่วง ยอดบาดเจ็บพุ่ง 53 ราย
คืบรถทัวร์เบรกแตกชนรถพ่วง ยอดบาดเจ็บพุ่ง 53 ราย

ความคืบหน้ากรณีรถทัวร์สายระยอง-หนองคาย เบรกแตกพุ่งชนรถพ่วง ทางลงเขาศาลปู่โทน จ.ปราจีนบุรี ล่าสุดยอดผู้ได้รับบาดเจ็บพุ่ง 53 ราย ส่วนเสียชีวิตยืนยันที่ 7 ราย
(21 เม.ย. 68) คืบหน้าจากกรณีเวลา 01.30 น. เช้ามืดของวันที่ 21 เม.ย.68 ได้มีรถบัสประจำทาง 2 ชั้น ปลายทางมาจาก จ. หนองคาย กำลังมุ่งหน้าไป จ.ระยอง ได้เกิดอุบัติเหตุบริเวณทางลงศาลปู่โทน บนถนน 304 มุ่งหน้ากบินทร์บุรี ในพื้นที่ ม.8 ต. บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้โดยสารมากับรถได้บาดเจ็บ 52 ราย เสียชีวิตจากการถูกไฟคลอก 7 ราย และคนขับรถพ่วงได้รับบาดเจ็บ 1 ราย รวมผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 53 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บส่งเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาดี 39 ราย โรงพยาบาลกบินทร์บุรี 13 ราย โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ 304 1 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: รถทัวร์เบรกแตกชนรถพ่วง ไฟลุกเสียชีวิต 7 เจ็บ 39
สำหรับสาเหตุคาดว่ารถทัวร์คันที่เกิดเหตุน่าจะเบรกไม่อยู่ ทำให้คนขับพยายามซิกแซกเพื่อหลบรถบนทาง ก่อนชนท้ายรถพ่วงตู้คอลเทรนเนอร์ 22 ล้อ ทำให้ไหลไปชนท้ายรถบรรทุกพ่วงบรรทุกที่บรรทุกแป้งมาเต็มคัน ทำให้ คนขับที่ 1 คนขับที่ 2 เด็กรถและผู้โดยสารเสียชีวิตดังกล่าว และได้เกิดเพลิงลุกใหม้ในตัวรถ
ช่วงเช้าที่ผ่านมาทางด้านเจ้าหน้าที่ได้เร่งเก็บกู้ซากรถทั่งจำนวน 3 คัน เร่งด่วนเพื่อเปิดช่องทางการจราจรให้เป็นปกติและไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อน โดยในการเก็บ กู้ซากรถ เป็นไปด้วยความลำบาก เนื่องจาก มีรถพ่วงซึ่งเป็นรถบรรทุกแป้งมัน และเป็นรถใหญ่ค่อนข้างที่จะยาก ในเบื้องต้นขณะนี้สามารถแล้วเสร็จไปกว่า 90% คาดว่าน่าจะไม่เกินเที่ยงวัน สามารถเปิดใช้เส้นทางได้ตามปกติ
จากการสอบถาม น.ส.ประภาวรินทร์ อายุ 20 ปี 1 ในผู้โดยสารที่รอดชีวิตเล่าว่า รถได้จอดที่ปั๊มน่้ำมัน 1 ครั้ง จากนั้นก็วิ่งยาวมาเลย ตนรู้สึกตัวอีกทีคือได้กลิ่นแล้วก็มีคนร้อง พอลืมตาขึ้นมารถก็ได้ขับซิกแซกเพื่อหลบรถ พอตัวตั้งสติได้จึงได้จับเหล็กไว้ พอมาถึงที่เกิดเหตุมันไม่สามารถหลบได้ถ้าหลบก็จะตกเขา เขาจึงน่าจะตัดสินใจชน ตนนั่งอยู่ชั้นบนแถว 2 อยู่หลังคนเสียชีวิต
ผู้โดยสารชาวลาวอีกรายเล่าว่า ตนมา 2 คนกับลูกนั่งอยู่ชั้นล่างตรงท้ายๆ รถ ตอนเกิดเหตุตนนั่งกอดลูกเอาไว้ ตอนนั้นได้ยินเสียงคนที่อยู่ข้างบนรถร้องโวยวาย
สำหรับร่างผู้เสียชีวิต 7 ราย เป็นชาย 5 ราย เป็นหญิง 2 ราย ทางเจ้าหน้าที่จะนำส่งสถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลและจะได้ติดต่อญาติรับร่างผู้เสียชีวิตประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
