ตายายพิการร้องถูก จนท.ขู่ จะยึดที่ดินทำกินทำถนน

ตายายพิการร้องถูก จนท.ขู่ จะยึดที่ดินทำกินทำถนน

60619 ก.พ. 68 12:54   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

ตา-ยายพิการร้อง “ทนายอั๋น” ถูกเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่จะยึดที่ดินทำกินที่ครอบครองถูกต้องมากว่า 40 ปี ไปสร้างถนน เจ้าหน้าที่กางภาพถ่ายทางอากาศยันที่ดินนั้นเป็นทางสาธารณะ ย้ำไม่ได้เอื้อประโยชน์ใคร แต่รังวัดตามหน้าที่

(19 ก.พ. 68) นายตา และนางสกุล สองตายายพิการทางการเคลื่อนไหว ชาวบ้านจิกใหญ่  ต.ตูเมือง  อ.คูเมือง  จ.บุรีรัมย์  พร้อมลูกหลาน ได้ร้องขอความช่วยเหลือกับ นายภัทรพงศ์ ศุกภักษร หรือทนายอั๋นบุรีรัมย์ โดยอ้างว่าได้ถูก อบต.และเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน พยายามกดดันจะเข้าไปรังวัดสอบเขต  ในที่ดินที่ครอบครองทำกินอย่างถูกต้องมานานกว่า 40 ปี  เพื่อจะทำเป็นถนนสัญจร ทั้งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคล ส่วนที่ดินที่อยู่ใกล้กันก็มีทางเข้า-ออกที่เชื่อมกับถนนลาดยางได้อยู่แล้ว


ทางครอบครัวมีข้อสังเกตว่ากรณีที่เกิดขึ้นน่าจะเอื้อประโยชน์ให้กับ ผอ.สถานศึกษาหรือไม่   เพราะเมื่อประมาณ 3 - 4  ปีก่อน มี ผอ.ท่านหนึ่งมาซื้อดินของชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันแล้วก่อสร้างบ้าน  หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่รัฐพยายามจะมารังวัดเพื่อทำถนน ทั้งตั้งข้อสังเกตว่าก่อนที่ ผอ.คนดังกล่าวจะมาซื้อที่ดินก็ต้องเห็นที่ดินจริงและต้องรู้อยู่แล้วว่ามีทางเข้า-ออกยังไง  ซึ่งปัจจุบันก็มีทางออกอีกทางอยู่แล้ว  แต่ทำไมยังไปกดดันให้เจ้าหน้าที่มารังวัดสอบเขตเพื่อจะทำถนนอีก   เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ร้องให้ทนายอั๋น ช่วยเหลือ


นายตา เล่าว่าภรรยามีที่นาอยู่แล้ว 31 ไร่ซึ่งเป็นโฉนดถูกต้อง แต่ไม่มีทางเข้า-ออก จากนั้นปี 2524 ตาจึงไปกู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อที่ดินของนายแขก คนในหมู่บ้านซึ่งมีที่ติดกันเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ในราคา 80,000 บาทแต่ยังไม่ได้ไปยื่นเรื่องออกโฉนด แต่ก็ครอบครองทำกินมาตลอดกว่า 40 ปี และมีการไถปรับพื้นที่บางส่วนทำเป็นถนนเข้า-ออกที่นาเชื่อมกับถนนลาดยาง  เพื่อให้เข้า-ออกนาได้อย่างสะดวก โดยเป็นทางส่วนบุคคลที่ปรับจากที่นาไม่ได้อนุญาตให้ชาวบ้านคนอื่นสัญจรร่วมด้วยเลย เพราะที่ดินของคนอื่นก็มีทางเข้าออกของเขาอยู่แล้ว



จึงตั้งข้อสังเกตว่าพอมี ผอ.มาซื้อที่ดินใกล้กันและสร้างบ้าน  ก็มีเจ้าหน้าที่พยายามจะมารังวัดสอบเขตในที่ดินของตนเอง  โดยอ้างว่าเคยเป็นทางเกวียนเดิมหรือทางสาธารณะ ตนครอบครองทำกินมากว่า 40 ปีแต่ทำไมเพิ่งจะมาทำ  ก็มีเจ้าหน้าที่มาหลายรอบทั้งยังข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมให้รังวัดสอบเขตจะจับติดคุก   ก็อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย  


ด้านทนายอั๋น  บอกว่า ตามหลักฐานที่ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะทำถนนในพื้นที่ใดก็แล้วแต่ เบื้องต้นต้องไปตรวจสอบดูก่อนว่าเป็นที่สาธารณะหรือไม่อย่างไร แต่หากพื้นที่ใดเป็นที่ดินที่โฉนดหรือเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำ


แต่กรณีของสองตายาย เห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามจะเข้ามารังวัดหลายรอบทั้งที่สองตายายยืนยันว่าครอบครองทำกินมากว่า 40 ปี  แต่หากหน่วยงานพิสูจน์ในภายหลังว่าบริเวณดังกล่าวเป็นทางสาธารณะเดิมจริง  แต่หากจะมีโครงการก่อสร้างถนนหินคลุกหรือคอนกรีต แต่สภาพความเป็นจริงไม่มีบ้านเรือนประชาชน คนที่จะได้รับประโยชน์มีเพียงคนเดียว ก็ส่อให้เห็นว่า อบต.มีนอกมีในกับบุคคลดังกล่าวหรือไม่อย่างไร ก็เป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ 


จากนั้นทนายอั๋น  ได้พาตายายที่ร้องเรียนไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลคูเมือง  เพื่อสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริง  ซึ่งก็มีนิติกร  และหัวหน้าช่าง อบต.นำเอกสารที่ระบุว่าเป็นภาพถ่ายทางอากาศพื้นที่ดังกล่าว  มาชี้แจงว่าบริเวณดังกล่าวมีทางสาธารณะประโยชน์เดิมอยู่แล้ว 



โดยนายสุวรรณ  เจริญนาม  นิติกรชำนาญการ อบต.คูเมือง  ชี้แจงว่า  มีประชาชนไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอว่าไม่สามารถสัญจรเข้า-ออกที่ของตัวเองได้  ซึ่งตามระวางแผนที่มีทางสาธารณะอยู่ ทาง อบต.ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบจึงตั้งงบประมาณ เพื่อทำการรังวัดสอบเขตให้เกิดความชัดเจนว่ามีทางสาธารณะจริงหรือไม่  เพื่อจะได้ทำเส้นทางให้ชาวบ้านสัญจร


ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการของที่ดินอำเภอคูเมือง แต่ยังติดปัญหาไม่สามารถรังวัดสอบเขตได้เนื่องจากมีชาวบ้านบางรายคัดค้าน  ยืนยันการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เป็นการทำตามหน้าที่ ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลใด ก็ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย  ส่วนกรณีนี้ก็จะแจ้งไปทางอำเภอเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง