“สามารถ” ปฏิเสธทุกข้อหา อ้างเงินเข้าบัญชีคือเงินกู้-เงินทำบุญ

(26 พ.ย. 67) ความคืบหน้ากรณีการจับกุมตัวนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และ นางวิลาวัลย์ มารดา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน เนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบพบเงินโอนจากบัญชีบอสพอล เข้าบัญชีของนางวิลาวัลย์ ก่อนถูกส่งต่อเข้าบัญชีของนายสามารถ ตั้งแต่ช่วงปี 2564 - 2566

ล่าสุดเวลาประมาณ 11.00 น. วันนี้ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ (DSI) พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ แถลงต่อสื่อมวลชนถึงกรณีดังกล่าว 

พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่าเมื่อคืนนี้เวลา 23.00 น. ได้นำตัวนายสามารถมาสอบปากคำตามกระบวนการ ในเบื้องต้นนายสามารถ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอยื่นคำให้การแก้ข้อหาภายใน 15 วัน และปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานฟอกเงิน แต่เป็นลักษณะเงินกู้ยืมและเงินทำบุญตามที่มารดาได้ให้ข้อมูลในทำนองเดียวกัน 

ทั้งนี้นายสามารถทราบและเข้าใจข้อกล่าวหาแล้ว แต่ให้การปฏิเสธทั้งเรื่องเส้นเงินที่มีการโอนมาในบัญชีของมารดา โดยระบุว่าได้จากการทำบุญและเป็นเงินกู้ยืมที่ยืมมาจากนายวรัตน์พล หรือ บอสพอล แต่ไม่ได้ระบุถึงเหตุผลว่ากู้ยืมไปใช้ทำอะไร ซึ่งจะขอชี้แจงภายใน 15 วัน หลังจากนี้ 

ส่วนหลักฐานที่เชื่อได้ว่าเป็นการฟอกเงินนั้น  .พ.ต.ต.ยุทธนา ระบุว่าการรับโอนเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดลักษณะมีเจตนาปิดบังอำพราง เพราะเชื่อว่านายสามารถเป็นผู้ใช้บัญชีนี้ แต่มีการโอนเงินผ่านมายังบัญชีของมารดา เสมือนเป็นการปกปิดอำพราง ซึ่งตามพยานหลักฐานบัญชีเป็นของมารดาแต่ผู้ใช้บัญชีคือนายสามารถ รวมถึงมีคลิปเสียง พยานบุคคลยืนยัน พร้อมกับมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สอดคล้องกัน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะอยู่ในสำนวน โดยพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ เตรียมที่จะเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาบอสพอลในเรือนจำ มูลความผิดฐานฟอกเงินเพิ่มในเร็วๆ นี้ด้วย 

สำหรับความเชื่อมโยงทางการเงินกับบุคคลอื่นๆ เป็นบุคคลที่ถูกออกหมายจับและบุคคลที่ต้องสอบสวนดำเนินการเพิ่มเติม คือนายกลด เศรษฐนันท์ หรือบอสปีเตอร์ ที่มีเงินโอนมาประมาณ 500,000 บาท ส่วนบุคคลอื่นหรือเงินที่มาจากแหล่งอื่นโอนเข้ามา กว่า 100 ล้านบาทยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยในเงิน 100 ล้านนี้ เป็นเงินที่มาจากบอสพอล 2.5 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่จะให้การหรือให้การอย่างไรก็ได้เพื่อแก้ข้อกล่าวหา หากไม่รับสารภาพก็ต้องอ้างเหตุผลซึ่งเป็นเรื่องปกติ 

ส่วนประเด็นที่มีการระบุว่าในดีเอสไอมี หนอน คอยส่งข่าวความเคลื่อนไหวให้กับนายสามารถ ก่อนจะไหวตัวทันและหนีไปอ้างว่าไปทำบุญที่จังหวัดเชียงรายนั้น ยืนยันว่าไม่มี แต่อาจเป็นการเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวมากกว่าเพราะเรื่องเงินของนายสามารถปรากฏเป็นข่าวมาสักพักแล้ว 

ส่วนระหว่างที่สอบปากคำนายสามารถ แล้วมีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เข้ามารับฟังด้วยนั้น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่านอกจากทนายความ ที่เข้ารับฟังได้ด้วยแล้ว ผู้ต้องหายังมีสิทธิ์ให้ผู้ที่ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการสอบสวนได้ ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกฎหมาย “โดยเปิดโอกาสให้ได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่และเป็นหน้าที่ของเราที่จะพิสูจน์ความผิดของเขา” 

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษยังระบุอีกว่า ในระหว่างสอบปากคำมารดาของนายสามารถมีความเครียดเนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ ส่วนตัวของนายสามารถก็มีความเครียดเช่นกัน 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนมีมติร่วมกันแล้วว่าจะคัดค้านการประกันตัว นายสามารถและมารดา เนื่องจากเกรงว่าอาจจะมีพฤติการณ์ต่างๆ ที่เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

หลังแถลงข่าวเสร็จสิ้นสักพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำตัวนางวิลาวัลย์ และนายสามารถไป ขออำนาจศาล อาญารัชดาเพื่อฝากขัง ในระหว่างที่นางวิลาวัลย์เดินผ่าน สื่อมวลชนได้ตะโกนสอบถามถึงความรู้สึก และเงินในบัญชีที่มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท นางวิลาวัลย์ ได้หยุดให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสั้นๆว่า “เรื่องเกิดตั้งแต่ปี 64 ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอฝากเอกสารไว้หน่อย” จากนั้นส่งกระดาษที่อยู่ในมือ โดยมีผ้าคลุม ยื่นใส่ในมือให้กับผู้สื่อข่าวที่ยืนรอสัมภาษณ์ 

หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้เปิดจดหมาย ซึ่งพบว่าเป็นจดหมายเขียนด้วยลายมือ โดยมีข้อความระบุว่า

1. เรื่องขึ้นปี 2564 ตอนนั้น ดิไอคอน กรุ๊ป ยังไม่มีปัญหาธุรกิจ เงินที่ได้มาทำบุญกับกู้ยืมพอล ก็ได้เซ็นชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าได้คืนหมดแล้วได้ทำหนังสือออกมาให้แล้ว

2. ใครคือผู้เสียหาย 

3. จะฟอกเงินได้อย่างไร

4. ไม่ได้รับความเป็นธรรมโดนกลั่นแกล้ง

5. มีส่วนรู้เห็นในธุรกิจดิไอคอนเพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว

6. จะไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐานได้อย่างไร

7. จะขอต่อสู้เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมจนกว่าชีวิตจะหาไม่

8. ถ้าต้องโทษจนถึงตายถือว่าประเทศไทยไม่มีความยุติธรรม

โดยจากการสังเกตของผู้สื่อข่าว พบว่านางวิลาวัลย์ นำใบเอกสารบันทึกแจ้งคำสั่งไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว ซึ่งมีชื่อ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดี ลงนามอนุมัติ คัดค้านคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีชื่อผู้ต้องหาคือ นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ ซึ่งเอกสารดังกล่าวจะต้องนำไปยื่นต่อศาลในวันนี้ โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษระบุว่า ได้มีการประชุมพิจารณาและมีมติไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานและหลักฐาน 

หลังจากนั้นนายสามารถ ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวมาขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม โดยนายสามารถใส่หมวกสวมหน้ากากอนามัย และ ถูกใส่กุญแจมือ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธ ประกบหน้าประกบหลัง ก่อนที่จะขึ้นรถนายสามารถได้พูดว่า “ผมอยากพูด แต่พูดไม่ได้” จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวขึ้นรถเดินทางออกไปที่ศาลอาญาโดยทันที