คนมือเท้าดีตุ๋นคนพิการ พบประวัติเพียบ-เพิ่งออกจากคุก

คนมือเท้าดีตุ๋นคนพิการ พบประวัติเพียบ-เพิ่งออกจากคุก

27912 ก.พ. 68 17:25   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

รวบชายเร่ร่อนมือเท้าดี แต่หาเงินด้วยการหลอกคนพิการที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เจ้าตัวอ้างเพิ่งออกจากคุก 2 เดือน ไปสมัครงานที่ไหนไม่รับ เลยหน้ามืดใช้ทางลัดหาเงิน

(12 ก.พ. 68) จากกรณีที่ โลกโซเชียลใน จ.สมุทรสงคราม ได้เผยแพร่เรื่องราวของนายนิพนธ์ ชายพิการวัย 45 ปี ขาและแขนลีบ นั่งรถเข็นขายสลากกินแบ่งรัฐบาล บริเวณหน้าวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เพื่อหารายได้ดูแลตนเองและเลี้ยงดูบิดาตามลำพัง แต่กลับถูกมิจฉาชีพหลอกลวง


โดยมิจฉาชีพรายดังกล่าวเข้าไปคุยกับนายนิพนธ์ขณะที่นั่งขายสลากฯ อยู่ บอกว่าคนขายน้ำที่ตั้งร้านติดกันสั่งข้าวไว้ 3 ก่อง ขอให้ชายพิการรับข้าวไว้และออกเงินค่าข้าวให้ก่อน 180 บาท จนตกเย็นคนขายน้ำมาตั้งร้านจึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว เพราะคนขายน้ำยืนยันว่าไม่ได้สั่งข้าวไว้ เหตุเกิดวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา


ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสมุทรสงครามสามารถติดตามจับตัว นายพงษ์พันธ์ อายุ 43 ปี ชายเร่ร่อนและเป็นผู้ก่อเหตุในคดีดังกล่าว โดยจับกุมได้ที่หลังอาคารจอดรถวัดป้อมแก้ว พร้อมยาบ้า 5 เม็ด และเสื้อที่ใช้ในวันก่อเหตุ


พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม พร้อม พ.ต.ท.เอนก ขจีจิตร สารวัตรสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม และ  นางสุภัทรา อินทร์สมบัติ กำนันตำบลลาดใหญ่ ได้เชิญตัวนายนิพนธ์ ผู้เสียหายมาชี้ตัวผูก่อเหตุ ยืนยันว่าเป็นคนเดียวกัน


เมื่อพบหน้ากัน นายนิพนธ์ได้ว่ากล่าวตำหนินายพงษ์พันธ์ไป พร้อมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ช่วยเหลือตนจนสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตนรู้สึกปลอดภัย ตนฝากผู้ก่อเหตุว่ามือเท้าดีๆ ไม่น่ามาทำแบบนี้ ทุกวันนี้คนหากินกันก็ลำบากอยู่แล้ว หางานทำจะดีกว่า และขอให้กำลังใจกับผู้ที่ท้อแท้ ว่าขอให้ดูตนเป็นตัวอย่าง ขนาดคนพิการอย่างตนยังสู้ชีวิต ตนสู้ทุกท่านก็ต้องสู้  


ทางด้านนายพงษ์พันธ์ รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากเพิ่งออกจากเรือนจำกลางสมุทรสงครามมาประมาณ 2 เดือนไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับ ไม่มีเงินใช้ จนขาดสติ จึงไปเอาข้าวจากวัดป้อมแก้วมา 3 กล่อง ไปหลอกเงินจากผู้เสียหาย เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายและซื้อยารักษาตัว


จากนั้นนายพงษ์พันธ์ ผู้ก่อเหตุ กราบขอโทษ นายนิพนธ์ ชายพิการผู้เสียหาย พร้อมรับปากว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว


ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าระหว่างปี 2550 - 2564 นายพงษ์พันธ์ เคยถูกจับดำเนินคดีมาแล้วถึง 15 คดี ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เป็นคดีเกี่ยวกันทรัพย์(ลักทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์)  และคดียาเสพติด ล่าสุดถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ที่ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ติดคุกในเรือนจำกลางสมุทรสงคราม 4 ปี เพิ่งออกจากคุกมา 2 เดือน ก่อนจะมาก่อเหตุซ้ำอีก 


พ.ต.อ.ศยาม กล่าวว่า คดีนี้ถึงแม้จะเป็นคดีเล็กๆความเสียหาเพียง 180 บาท แต่ก่อเหตุกับผู้พิการ ยอดกตัญญู  หาเงินดูแลบิดาที่แก่ชรา สะเทือนใจกับประชาชนในวงกว้างทราบข่าว  พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ให้ความสำคัญจึงสั่งการที่ พล.ต.ต.สมภาพ คูหาวิชานันท์ ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม ให้ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เร่งรัดจับกุมมาให้ได้โดยเร็ว เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้ก่อเหคุ แต่ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง จึงเฝ้าติดตามกระทั่งจับกุมในครั้งนี้  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าโดยผิดกฎหมาย และ ข้อหาฉ้อโกง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พานายนิพนธ์ กลับบ้านพักซึ่งเป็นห้องเช่าในซอยบางประจันต์ 6 ต.ลาดใหญ่ ซึ่งอาศัยกับบิดาที่แก่ชราและป่วยเป็นโรคประจำตัว โดยนายนิพนธ์ดูแลบิดาเพียงลำพัง ทุกเช้าจะหาอาหารวางให้บิดาก่อนจะออกไปทำงานขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ขากลับ ก็จะซื้ออาหารกลับเข้าบ้าน 


ทั้งนี้  ผกก.สภ.เมืองสมุทรสงคราม พร้อมกำนัน ต.ลาดใหญ่ และ ผู้สื่อข่าว จ.สมุทรสงคราม ได้มอบรถเข็นวิลแชร์ 1 คัน และ เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ ให้กับนายนิพนธ์ เป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น ขณะที่นางสุภัทรา อินทร์สมบัติ กำนันตำบลลาดใหญ่ กล่าวว่า ในระยะยาว ฝ่ายปกครอง ร่วมกับ ตำรวจ จะจัดหาที่อยู่ให้เหมาะสมต่อไป



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง