กรรมการวัด ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านรวมตัวขึ้นโรงพักแจ้งความอดีตเจ้าอาวาสวัดยักยอกทรัพย์ กว่า 3,086,139 บาท
กรรมการวัด ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านรวมตัวขึ้นโรงพักแจ้งความอดีตเจ้าอาวาสวัดยักยอกทรัพย์ กว่า 3,086,139 บาท
กรรมการวัด ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านรวมตัวขึ้นโรงพักแจ้งความอดีตเจ้าอาวาสวัดยักยอกทรัพย์ กว่า 3,086,139 บาท ล่าสุดพบว่ามีหลักฐานการโอนเงินให้ร้านนวด โดยหัวข้อระบุว่า ค่าคอร์สนวด spa
(21 ม.ค.68) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลำพูน กรรมการวัดชาวบ้านกรรมการหมู่บ้าน รวมตัวพากันขึ้นโรงพักเข้าแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีกับ พระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน และอดีตเจ้าคณะตำบลเหมือง่า ในข้อหายักยอกทรัพย์ เงินในบัญชีธนาคาร 6 บัญชี 1 ล้าน 8 แสนบาทหายเกลี้ยง และเงินจากบัญชีทุนนิธิโรงเรียนศรีบุญยืนฯ 1 ล้าน 3 แสนบาทเหลือเงินในบัญชี 5 หมื่นบาท รวมเป็นเงินกว่า 3,086,139 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากกรณีที่ชาวบ้านรวมตัวกันที่ศาลาวัดศรีบุญยืน ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อตรวจสอบบัญชีของวัดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 12 มกราคม 2568 หลังจากพบพิรุธว่าโครงการก่อสร้างภายในวัดไม่คืบหน้า จนนำไปสู่การตรวจสอบ จนพบว่ามีการทุจริตเงินของวัดไปใช้ส่วนตัว จำนวนหลายล้านบาท หลังประชุมและตรวจสอบก็พบว่ามียอดเงินของวัดและของมูลนิธิฯหายไปจริง และยังพบว่าพระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน ยังมีการยืมเงินจากผู้รับเหมา ยืมเงินพระด้วยกันอีกหลายราย ยอดเงินนับล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ
เมื่อสอบถามกับทางพระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน กลับบ่ายเบี้ยงที่จะให้ข้อมูลกับคณะกรรมการวัดและชาวบ้าน โดยอ้างว่าได้นำเงินไปลงทุนบ้าง อ้างว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ลงทุนบ้าง นำเงินไปช่วยเหลือสีกาคนหนึ่งเพื่อผ่าตัดดวงตาบ้าง เป็นการแก้ตัวเฉไฉจนไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง
ล่าสุดพบว่ามีหลักฐานการโอนเงินให้ร้านนวด โดยโอนให้พนักงานของร้านนวดชื่อ แพรว รหัส C30 โดยหัวข้อระบุว่า ค่าคอร์สนวด spa โดยมีการโอนหลายครั้ง ในเอกสารบิลดังกล่าว (ตามภาพ) มีการโอนเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2567 วันที่ 2 ธ.ค.2568 วันที่ 6 ธค.2568 ระบุยอดเงินเงินว่าเป็นราคาค่าคอสนวด Spa ราคา 3,020,022 + 1000.200 ยังไม่ทราบว่าร้านนวดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ใด ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจข้อมูลว่าสิ่งที่ได้หลักฐานมากับข้อมูลที่ทางพระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน ให้ข้อมูลนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
หลังเป็นข่าว พระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน และเจ้าคณะตำบลเหมืองง่าได้ยื่นหนังสือถึงพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัด ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568
ล่าสุดได้ยื่นหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดลำพูนอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2568 เพื่อขอล่าออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน ซึ่งคำสั่งดังกล่าวมีผลแล้วทั้งหมด โดยมีพระเทพรัตนนายกเจ้าคณะจังหวัดลำพูนเป็นผู้ลงนามและมีการแต่งตั้งผู้รักษาการตามที่ลาออกไปแล้ว
วันนี้คณะกรรมการวัด กรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน และชาวบ้านศรีบุญยืน ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน มีหลักฐานการนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัวจริง จึงพากันเดินทางเข้าแจ้งความกับ
พันตำรวจโทวิทยา วิญญายอง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองลำพูน เพื่อเอาผิดกับอดีตเจ้าอาวาสวัด และอดีตเจ้าคณะตำบลเหมืองง่า หลังจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านจำนวนกว่า 100 คนรวมตัวกันเพื่อตรวจสอบพระครูนิวิฐวิริยคุณ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญยืน หลังพบว่าเงินวัดหายไปหลายล้านบาท
สืบเนื่องจากชาวบ้านศรีบุญยืน หมู่ที่ 3 ตำบลเหมืองง่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ต่างระแคะระคายว่า โครงการก่อสร้างต่างๆภายในวัดได้หยุดชนักลงมานานนับเดือน ทั้งๆที่เงินทำบุญเงินทอดกฐิน และเงินรายได้ต่างๆของวัดจำนวนหลายล้านบาทนั้นมีเพียงพอในการก่อสร้าง แต่โครงการต่างๆเช่นการสร้างอาคารการก่อสร้างเจดีย์ไม่คืบหน้า ชาวบ้านจึงพากันสืบหาข้อมูลพบพฤติกรรมน่าสงสัยหลายอย่าง เช่น ไม่นำเงินทำบุญต่างๆเช่นเงินทอดกฐิน เงินทำบุญ เงินบริจาคก็ไม่นำเข้าฝากบัญชีของวัดแต่กลับนำไปใช้ส่วนตัว
นอกจากนั้นยังมีพฤติการณ์ ไปยืมเงินพระด้วยกันตามวัดต่างๆ ยืมเงินช่างที่มาก่อสร้างวัด ในการตรวจสอบเบื้องต้นยอดเงินประมาณมากกว่า 2-3 ล้านบาท ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่านำเงินไปทำอะไร นำเงินไปให้ใครหรือนำไปเปย์ใครหรือเปล่า หลังจากชาวบ้านรวมตัวกันแล้วก็มีการตรวจสอบบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆของวัดในเบื้องต้นพบว่า มีการปลอมแปลงทำบัญชีรายจ่ายปลอมขึ้นมาจำนวนหลายรายการ โครงการก่อสร้างต่างๆภายในวัดก็ไม่มีการทำสัญญาก่อสร้างใดๆ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริง ที่เป็นเอกสารอีกจำนวนมาก
หลังจากนั้นชาวบ้านได้เชิญทางพระครูนิวิฐวิริยคุณฯ มาพูดคุยและยืนยันกับชาวบ้าน พร้อมที่จะคืนให้ในวันที่ 16 มกราคม แต่เมื่อถึงครบกำหนด พระครูนิวิฐวิริยคุณฯ ไม่มีเงินมาคืนให้ชาวบ้าน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลกับกรรมการหมู่บ้านทราบว่ามีเงินวัดหายไปจากบัญชีธนาคาร 1,839,091 บาท เหลือเงิน 39,652 บาทและเงินจากทุนนิธิโรงเรียนวัดศรีบุญยืน 1,301,000 บาท เหลือเงินในบัญชี 5 หมื่นบาท ซึ่งเงินทุนนิธิฯเป็นชื่อของมัคนายก มีการถอนออก 3 ครั้ง ทำให้ชาวบ้านรวมตัวกันนำหลักฐานมาแจ้งความเอาผิดกับพระครูนิวิฐวิริยคุณฯ
ตอนนี้ทางกรรมการวัดและชาวบ้านยื่นเรื่องให้เจ้าคณะจังหวัดตรวจสอบ อยู่ระหว่างรอผลอยู่ ซึ่งตามหลักฐานพบเจ้าอาวาสวัดยืมเงินช่างรับเหมาก่อสร้างวิหารวัดและพระธาตุ 1.7 แสน ติดค่าแรง 1.2 ล้าน ยืมพระลูกวัด 5 แสน ยืมเงินสำรองวัด 1.6 แสน ยืมเงินไวยาวัจกร ผู้ทำกิจธุระแทนภิกษุหรือสงฆ์, ผู้ทำการขวนขวายแทนภิกษุหรือสงฆ์ 1.2 แสน เงินวัด 1.4 ล้าน ยืมเงินทุนนิธิโรงเรียนวัดศรีบุญยืน 1.1 ล้าน บาท เจ้าอาวาสบอกว่าวันที่ 16 จะมีคนเอาเงินทาให้ 6 ล้าน แล้วจะเอาเงินทั้งหมดมาคืน
ด้านนายสมนึก ชาวบ้านศรีบุญยืน เปิดเผยว่า วันนี้ชาวบ้านได้เดินทางมาแจ้งความอดีตเจ้าอาวาสวัดเรื่องเงินวัดที่หายไปหลายล้านบาท ก่อนหน้านี้อดีตเจ้าอาวาสวัดได้ พูดคุยกับกรรมการวัดไว้ว่าจะขอรับผิดชอบเงิน ของวัดที่ได้หายไปและรับปากว่าจะมีการนำมาคืนในวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมาแต่อดีต เจ้าอาวาสวัดไม่ได้นำเงินมาคืนตามที่เคยตกลงกับชาวบ้าน จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้การก่อสร้างวิหารและเจดีย์พระธาตุ ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากไม่มีเงินไปจ่ายค่าแรงให้กับผู้รับเหมาจนปัจจุบันอดีตเจ้าอาวาสวัดกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านที่ทราบเรื่องดังกล่าวรู้สึกคับแค้นใจ รวมตัวกันมาแจ้งความกับอดีตเจ้าอาวาสวัดในวันนี้