ร้อง! สายไหมต้องรอดถูกนายหน้าขายประกันแสบ หลอกโอนเงินอดีตพนักงาน ขสมก.ป่วยติดเตียง จับสแกนใบหน้าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 1 ล้านบาท
ร้อง! สายไหมต้องรอดถูกนายหน้าขายประกันแสบ หลอกโอนเงินอดีตพนักงาน ขสมก.ป่วยติดเตียง จับสแกนใบหน้าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 1 ล้านบาท
ร้อง! สายไหมต้องรอดถูกนายหน้าขายประกันแสบ หลอกโอนเงินอดีตพนักงาน ขสมก.ป่วยติดเตียง จับสแกนใบหน้าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองกว่า 1 ล้านบาท ครอบครัวรู้ภายหลังโทรทวงกว่า 100 สาย อ้างนำเงินไปปล่อยกู้ สามีผู้เสียหายขู่แจ้งความ ก่อนโอนเงินคืน 3 แสนบาท หายเข้ากลีบเมฆ
(7 ม.ค.68) นายฉลาด อายุ 63 ปี และ น.ส.เอ้ ผู้เสียหาย เดินทางเข้าร้อง เพจสายไหมต้องรอด หลังถูก น.ส.แววตา (นามสมมติ) นายหน้าขายประกันบริษัทชื่อดัง หลอกโอนเงินจากบัญชี นางมารศรี อายุ 62 ปี อดีตพนักงาน ขสมก. ที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ จับสแกนใบหน้าโอนเงินเข้า บัญชีตัวเองกว่า 1,000,000 บาท ก่อนสามีมาทราบภายหลัง ขู่แจ้งความจึงยอมโอนคืนมาให้ 300,000 บาท ก่อนหนีหาย ทำให้ทางครอบครัวพยายามติดต่ออีกครั้งแต่พบว่าไม่สามารถติดต่อ น.ส.แวว ได้อีกแล้ว
โดย น.ส.เอ้ เล่าว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 67 น.ส.แววตา นายหน้าประกัน ที่เคยทำประกันให้ครอบครัวมากว่า 10 ปี เมื่อรู้ว่าเกษียณก็กลับมาหาอีกครั้ง และได้ติดต่อมายัง นางมารศรี ก่อนสอบถามว่าสามี (นายฉลาด) อยู่บ้านหรือไม่ เมื่อรู้ว่าไม่อยู่จึงเข้ามาพูดคุย แต่เมื่อพูดคุยกันเสร็จ น.ส.แววตา ได้นำโทรศัพท์ของ นางมารศรีมาสแกนใบหน้า ก่อนจะโอนเงินออกไปยังบัญชีตนเอง จำนวน 1,000,000 บาท โดยไม่มีใครทราบ
กระทั่งวันที่ 24 พ.ย. 67 ทางครอบครัวและนางมารศรี จะนำเงินไปจ่ายบัตรเงินกู้ของบริษัทการเงินแห่งหนึ่ง จนรู้ว่าเงินถูกโอนออกไปยังบัญชีของ น.ส.แววตา ทำให้ นางมารศรีเริ่มติดต่อหา เพื่อขอเงินคืนมากกว่า 100 สาย ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. 67 แต่ น.ส.แววตาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดโดยอ้างว่าเข้าโรงพยาบาลและโทรศัพท์ตกน้ำ ทำให้นางมารศรีเริ่มมีภาวะเครียด จนวันที่ 2 ธ.ค. 67 เกิดอาการช็อก และไตวายเฉียบพลัน และยังรักษาตัวจนถึงปัจจุบันในห้องฉุกเฉิน โดยร่างกายไม่ตอบสนอง
หลังจากนั้นนายฉลาด ได้พยายามติดต่อหา น.ส.แววตา เพื่อสอบถามถึงยอดเงินที่มีการโอนออกไปว่านำออกไปทำอะไร จนทราบว่ามีการนำเงิน 1,000,000 บาทไปปล่อยกู้ จึงพยายามขอเงินคืน แต่ น.ส.แววตา ได้โอนคืนมาให้แค่ 300,000 บาท ก่อนจะปิดการติดต่อไปทุกช่องทางจนถึงตอนนี้ก็ยังติดต่อไม่ได้
ทำให้เมื่อวานนี้ 6 ม.ค. 68 นายฉลาดและครอบครัว ได้เดินทางเข้าไปติดต่อบริษัทประกันภัยแห่งนี้ ที่สาขาบางนา โดยพนักงานบอกว่าจะมีการดำเนินการรวบรวมหลักฐานส่งสำนักงานใหญ่ และยังพบว่า น.ส.แววตา ยังเป็นตัวแทนของบริษัทประกันอยู่ และต้องรออีกหนึ่งสัปดาห์เพื่อนำข้อมูลมาเปิดเผยกับทางผู้เสียหาย
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ บอกว่าสำหรับเคสนี้ได้มีการไปติดต่อที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ และได้ประสานไปยังผู้กำกับ โดยได้แจ้งความไปตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน แล้วจะให้ทางพนักงานสอบสวนได้เรียกมาเพื่อที่จะเอาเงินมาคืน ส่วนเรื่องของคดีก็ให้ทางพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการ ซึ่งทางใดกับพวกมองว่าเรื่องนี้มันไม่มีจรรยาบรรณ