250 ชีวิตเคว้งกลางสุวรรณภูมิ ถูกหลอกทำงานต่างประเทศ

250 ชีวิตเคว้งกลางสุวรรณภูมิ ถูกหลอกทำงานต่างประเทศ

359304 ม.ค. 68 23:39   |     ข่าวเวิร์คพอยท์

แรงงานไทย 250 ชีวิต เคว้งกลางสุวรรณภูมิ ถูกนายหน้าหลอกพาทำงานออสเตรเลีย พอถึงวันบินเจอไม่มีตั๋วสักคน รวมตัวกันแจ้งความ ยอดเสียหายสูง 12 ล้านบาท

(4 ม.ค. 67) เวลา 21.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่สถานีตำรวจภูธรท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนหน้า ในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  อำเภอบางพลี  จังหวัดสมุทรปราการ มีทางด้านกลุ่มแรงงานไทยทั้งชายหญิงเกือบ 50 ชีวิต หอบกระเป๋าเดินทาง รวมตัวกันมาขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนของสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ


หลังจากที่ผู้เสียหายทั้งหมด ได้ทำการโอนเงินให้กับหญิงสาวรายหนึ่ง เพื่อจะได้ไปทำงานการเกษตรและอุสาหกรรมในประเทศออสเตรเลีย โดยมีการนัดกำหนดเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงสี่ทุ่มของคืนนี้ แต่พอใกล้เวลาผู้เสียหายทั้งหมดไปเช็คตั๋วเดินทางกลับไม่พบข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางแต่อย่างใด จึงพากันมาแจ้งความในครั้งนี้ โดยมี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการพิเศษท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำ 



นางสลิลทิพย์   หนึ่งในผู้เสียหาย ซึ่งเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เล่าให้กับนักข่าวเราฟังว่า บุตรชายตนเอง ได้รับการติดต่อจากคนรู้จักกันบอกปากต่อปากกันมาชักชวนให้ไปทำงานด้านการเกษตร มีรายได้ดี จึงตอบตกลงและโอนเงินจำนวน 60,000บาท ให้กับนางสาวออย ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนในการจัดหาคนงานไปทำงาน โดยนัดบินในค่ำคืนนี้จึงพากันเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่พอมาถึงไม่พบว่ามีการจองตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด พอถามนางสาวออย กลับได้รับคำตอบว่าติดต่อคนที่รับงานและรับเงินไปไม่ได้ ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 250 คน 


เช่นเดียวกับ นายธนายุทธ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร ที่โอนเงินไป 120,000 บาท และเหมารถเดินทางมาจากจังหวัดสกลนคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ได้รับการชักชวนติดต่อจากนางสาวออย โดยมีการโอนเงินผ่านนางสาวออย เพื่อหวังได้ไปทำงาน เนื่องจากมีการระบุเชิญชวนว่าหากไปทำงานจะได้รับเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 70,000 โดยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมเงินกว่าสองแสนบาท แต่จะต้องจ่ายก่อน 120,000 บาท ที่เหลือหักจากเงินเดือน


ที่ตนเองหลงเชื่อใจเพราะมีการบอกกันปากต่อปากว่าสามารถพาไปทำงานได้จริง มีคนเคยไปแล้วหลายคน จึงหลงเชื่อโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับนางสาวออยไป  จนมีการนัดหมายให้มาเจอกันที่สนามบินสุวรรณภูมิในคืนนี้เพื่อเดินทาง ซึ่งตนเองก็มารอตั้งแต่เช้าจนใกล้ถึงเวลากลับไม่มีไฟท์หรือตั๋วเครื่องบินแต่อย่างใด 



ขณะที่นางสาว ออย อายุ 28 ปี คนนี้คือหญิงสาวนายหน้าที่จัดหาและชักชวนกลุ่มผู้เสียหายทั้งหมดว่าจะพาไปทำงานในออสเตรเลีย และเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายทั้งหมดโอนเงินผ่านบัญชี ซึ่งเจ้าตัวก็เดินทางมาขอลงบันทึกประจำวันเอาไว้ด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่าเธอก็ตกเป็นผู้เสียหาย


เธอให้สัมภาษณ์กับนักข่าวเราว่า ตนเองไปรู้จักกับรุ่นพี่ที่เคยทำงานด้วยกันคนหนึ่ง เธอชื่อว่า ฟ้า ได้มาชักชวนเธอว่าสามารถพาคนไทยไปทำงานที่ประเทศออสเตรเลียได้ หากเธอสามารถหาคนไปทำงานที่ออสเตรเลียได้ จะได้ค่าตอบแทนหัวละ 2000 บาท ส่วนใครที่จะไปทำงานจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตั้งแต่ 30,000 – 60,000 บาท หรือบางคน 1 - 1.5 แสนบาท แล้วแต่ระยะเวลาที่จะอยู่ทำงานที่นั่น 


นางสาวออยจึงเอาเรื่องราวดังกล่าวไปบอกกับญาติพี่น้องของตน ว่าหากใครจะไปสามารถติดต่อเธอได้และโอนค่าใช้จ่ายผ่านเธอ ซึ่งพอมีเงินรายได้เข้ามา เธอก็จะเบิกเงินนั้นฝากเป็นเช็คพร้อมกับเอกสารต่างๆ ของผู้เสียหาย นัดมอบเช็คและเอกสารให้กับ นางสาวฟ้า ซึ่งอ้างว่าทำงานในสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โดยจะนัดเจอกันที่หน้าสถานทูต


รวมแล้วมีผู้เสียหายที่ติดต่อผ่านทาง นางสาวออยประมาณ 250 คน รวมเป็นเงินที่นำฝากผ่านเช็คให้กับนางสาวฟ้าไปรวมกว่า 12 ล้านบาท หลังจากที่ส่งมอบเงินและเอกสารของผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว ทางด้าน นางสาวฟ้า บอกว่าจะจัดการการเดินทางทั้งหมดให้ ซึ่งมีกำหนดการเดินทางในค่ำคืนนี้ โดยให้ผู้เสียนำพาสปอร์ตมาแสดงที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน จึงนัดผู้เสียหายทั้งหมดมาเจอกันที่สนามบิน แต่พอใกล้ถึงเวลานัดหมาย ตนไปเช็คข้อมูลที่เคาน์เตอร์กลับไม่พบว่ามีการจองตั๋วไว้ ติดต่อนางสาวฟ้าไม่ได้ จึงได้รวมตัวกันแจ้งความ



ขณะที่ ร.ต.อ. ชนธัญ  พรหมรักษา รองสว.(สอบสวน) สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาแนะนำกลุ่มผู้เสียหาย เบื้องต้นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่มีการโอนเงิน แต่เนื่องด้วยผู้เสียหายมีจำนวนมากและมูลค่าความเสียหายเยอะ จึงมีการแนะนำให้กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อสะดวกกับการทำสำนวนคดี โดยผู้เสียหายทั้งหมดนัดรวมตัวเตรียมเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนที่กองปราบปรามในวันจันทร์ที่ 6 ม.ค.68  ในเวลา 10.00 น.



TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง