"ทนายตั้ม" ดอดให้ปากคำกองปราบยืนยัน 71 ล้าน ได้โดย "เสน่หา"

"ทนายตั้ม" ดอดให้ปากคำกองปราบยืนยัน 71 ล้าน ได้โดย "เสน่หา"

14205 พ.ย. 67 12:00   |     AdminNews

"ทนายตั้ม" ให้ปากคำกองปราบแจงทุกปมเรื่องเงิน 'เจ๊อ้อย' ยืนยันคำเดิมว่าได้โดย “เสน่หา” ยืนยันไม่ได้หนีไปไหน รอให้ 'เจ๊อ้อย' ให้การให้เต็มที่

วันที่ 5 พ.ย.67 เวลา 9:49 น. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้เดินทางมายังกองบังคับการปราบปราม ซึ่งถือเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกในรอบหลายวันที่ผ่านมา 


โดยทนายตั้ม เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้ว ตนเองต้องการที่จะรอให้ทางตำรวจมาติดต่อตนเองเพื่อให้ปากคำและตนเองก็พร้อมที่จะยินดีให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีรถตำรวจประมาณ 2-3 คัน มาดักเฝ้าบริเวณหน้าบ้าน รวมทั้งทราบว่ามีการนำพยานที่เป็นพนักงานในบริษัทและคนใกล้ชิดตนไปให้ปากคำในลักษณะของการเชิญไปคุย ไม่มีการออกหมายเรียก ซึ่งตนมองว่า ตำรวจควรทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมิเช่นนั้นอาจจะเข้าข่ายผิดกฎหมายอุ้มหายได้ แต่ในเมื่อมีตำรวจตามมาดักเฝ้าถึงขนาดนี้ วันนี้ตนจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง โดยยังไม่มีการออกหมายเรียกแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ตนเคยทำหนังสือร้องขอไปถึงพนักงานสอบสวนว่า ให้แยกสอบพยานและผู้กล่าวหา เพราะเกรงว่าจะมีการเตี้ยมข้อมูลกัน 


ทนายตั้มยังได้ชี้แจงถึงคดีเงิน 71 ล้านบาท ยืนยันตามที่ตนเองได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนทุกประการ และตนเองก็มีพยานหลักฐานที่ครบถ้วน มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นการฟ้องเพราะเนื่องจากตนไม่ใช่ลูกรักของมาดามอ้อยอีกแล้ว โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามย้ำว่า สรุปแล้วเหตุผลในการให้เงินจำนวนดังกล่าวเกิดจากอะไร ทนายตั้มย้ำแค่คำตอบเดียวว่า เป็นไปตามที่ให้สัมภาษณ์เป็นสื่อมวลชนก่อนหน้านี้และพร้อมที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงในกระบวนการยุติธรรม 


ส่วนกรณีเงิน 39 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าตนและคนที่ชื่อ นุกับสา ไม่ได้มาร่วมกันหลอกลวงมาดามอ้อยและข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามสื่อมวลชนนั้น เป็นหนังคนละม้วนกัน ซึ่งตนไม่รู้ว่า เป็นสิ่งที่มาดามอ้อยให้ข่าวเอง หรือสื่อมวลชนได้ข้อมูลจากไหน โดยทนายตั้มชี้แจงว่า เป็นเพราะมาดามอ้อยอ้างว่าได้พูดคุยผ่าน IG กับดาราจีนคนดังกล่าวและคิดว่าเป็นบัญชีแอคเคาน์ดาราจีนจริง ๆ จึงเสนอที่จะขอจ้างดาราจีนคนนี้มาออกงาน เลยได้ติดต่อผ่านมายังตน ตนเองจึงได้นำนุและสา ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันและเชี่ยวชาญเรื่องเงิน bitcoin มาช่วยเหลือ เพราะเนื่องจากบัญชี account ดาราคนดังกล่าวอ้างว่า หากจะจ้างต้องจ่ายเป็นเงิน bitcoin มาดามอ้อยจึงเป็นคนประสานงานกับทั้งสองคนและจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเองถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกอ้างว่าโอนไปแล้วเงินมีปัญหาและครั้งที่ 2 พบว่าต้องเข้าบัญชีของบอดี้การ์ด เลยทำให้เริ่มเอะใจ ถึงได้ดำเนินการตรวจสอบกับคนจีนที่ชื่อหลิว ผ่านผู้จัดการดาราชื่อดัง พบว่าบัญชี account ที่มาดามอ้อยติดต่อนั้น เป็นบัญชีสแกมเมอร์ไม่ใช่ดาราคนจีนคนดังกล่าวจริง ๆ โดยทนายตั้มอ้างว่า ตนได้เตือนมาดามอ้อยเรื่องนี้ไปแล้ว แต่มาดามอ้อยไม่สนใจและยังโอนเงินไปอีก 5 ล้านบาท ซึ่งทางทนายตั้มอ้างว่า มาดามอ้อยบอกกับตนเองว่า เงินของเขา จะจ่ายให้ใครก็ได้ 


ส่วนเรื่องรถเบนซ์ ตนอยากให้ทุกคนไปตรวจสอบว่า รถรุ่น G-class G400 ตามที่ปรากฏในข่าว ราคาเพียงแค่ 8-9 ล้านบาทจริงหรือไม่ พร้อมทั้งย้ำว่า รถคันดังกล่าว ชื่อจดทะเบียนรถคือชื่อของมาดามอ้อย ไม่ใช่ชื่อไฟแนนซ์ตามที่ปรากฏในข่าวและตนก็ครอบครองเพียงไม่กี่เดือนก่อนจะส่งมอบ ไม่เคยนำรถคันดังกล่าวไปให้จีนเทายืมตามที่มีข่าวลือ รวมทั้งกรณีที่พัทยานั้น ตนเองได้เดินทางไปกลับมาดามอ้อยและเลขาของมาดามอ้อยพร้อมด้วยภรรยาตนเอง ซึ่งตนเองเป็นคนขับรถให้ ไม่ได้ขับรถไปรับจีนเทาตามที่มีกระแสข่าวลือ 


ทนายตั้มยืนยันว่า ตนไม่คิดที่จะหนีไปไหนและยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง พร้อมที่จะต่อสู้คดี และไม่รู้ว่าคดีดังกล่าวจะรับสารภาพไปเพื่ออะไร เพราะตนไม่ได้ฉ้อโกงใคร งานทุกอย่างที่ได้รับการมอบหมายตนก็ส่งมอบงานให้ทั้งหมด ส่วนที่มีกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่า ตนเองหลบหนีไปต่างประเทศนั้น ย้ำว่าไม่เป็นความจริง พร้อมทั้งฝากถึงผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องดังแห่งหนึ่งว่า เลิกตามมาคุกคามตนเองได้แล้ว  


ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังคงออกมาเปิดโปงทนายตั้มอย่างต่อเนื่องนั้น ทนายตั้มระบุว่า ตนไม่มีอะไรจะฝากถึงนายสนธิ อยากจะเปิดอะไรก็จัดมาเลย ส่วนจะมีการฟ้องดำเนินคดีกลับหรือไม่ ทนายตั้มกล่าวว่า ขอให้รอดูกันต่อไป 


นอกจากนี้ยังได้กล่าว ทนายตั้มยังกล่าวอีกว่า ตอนนี้ตนไม่พร้อมที่จะพบกับมาดามอ้อยในช่วงเวลานี้ เพราะเชื่อว่าพบไปพูดอะไรก็คงไม่ฟัง อีกอย่างนึงคือ ตอนนี้มาดามอ้อยมีคนรอบตัวเยอะ คงเข้าถึงได้ยาก ส่วนประเด็นที่จะมาสู่ความขัดแย้งนั้น มองว่าเป็นเพราะเรื่องของการแย่งความรักกันกับคนใกล้ตัวมาดามอ้อย 


ทนายตั้มยังได้กล่าวฝากถึงทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ที่อ้างว่ามีเขางอกขึ้นที่หัวนั้น มองว่าคนที่มีพฤติกรรมเขางอกที่หัว เป็นเพราะเมียมีชู้ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และตนก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ทนายคนอื่นฟังเลยในเรื่องนี้ พร้อมทั้งไม่ได้ดูข่าวที่ทนายคนดังคนอื่น ๆ พูดถึงตนเองด้วย 


TAGS:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง