เมียตร.พรหมบุรี จ่อเข้าแจ้งความ หลังสามีถูกไลฟ์กดดันเส้นเลือดในสมองแตก
เมียตร.พรหมบุรี จ่อเข้าแจ้งความ หลังสามีถูกไลฟ์กดดันเส้นเลือดในสมองแตก

เมียตร.พรหมบุรี จ่อเข้าแจ้งความ หลังสามีถูกไลฟ์กดดันเส้นเลือดในสมองแตก ด้านตร.ไซเบอร์ พร้อมดำเนินคดีหากพบความผิดชัดเจน
(24 มี.ค. 68) จากกรณีที่เพจชื่อดังไลฟ์สดกดดัน ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสิริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สภ.พรหมบุรี จว.สิงห์บุรี ขณะปฏิบัติหน้าที่ตั้งกล้องตรวจจับความเร็วรถบริเวณเกาะกลางถนน ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี จนมีอาการวูบชักเกร็งถึง 12 ครั้ง ก่อนนำตัวส่งรพ.ตำรวจ ซึ่งล่าสุดทางภรรยาเตรียมเข้าแจ้งความบช.สอท. ในช่วงบ่ายวันที่ 24 มีนาคม
ความคืบหน้าล่าสุด ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ บก.สอท.2 เตรียมพนักงานสอบสวนไว้รับเรื่องราว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่าในการเข้าพบครั้งนี้ ทางภรรยาผู้เสียหายมีจุดประสงค์อะไร โดยทางตำรวจก็จะต้องพิจารณาตรวจสอบว่าการไลฟ์สดจะเข้าความผิดตามม.14 , ม.16 หรือมาตราใดบ้างที่มีผลกระทบต่อผู้อื่น หรือเป็นความผิดฐานดูหมิ่นด้วยการโฆษณา อย่างไรก็ตามจะต้องมีการสอบปากคำภรรยาของผู้เสียหายอย่างละเอียด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดให้ทางแก่รถพยาบาล นำตัว "ด.ต." โดนไลฟ์สดกดดัน ส่งรักษา รพ.ตร.
ส่วนการกล่าวอ้างของเจ้าของเพจว่าเป็นการตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ก็สามารถทำได้ ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นบุคคลสาธารณะ และพร้อมที่จะให้ทำการตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องมีขอบเขต และต้องดูเจตนาความเหมาะสมในการใช้สื่อโซเชียล เนื่องจากการไลฟ์สดต้องดูความเหมาะสม โดยเฉพาะในเรื่องสถานที่ต้องดูว่าเป็นสถานที่สาธารณะหรือไม่ หรือเป็นสถานที่ส่วนตัว 2.การไลฟ์ต้องไม่เป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานหรือตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ 3.ต้องไม่เป็นการดูหมิ่นไม่ว่าจะเป็นด้วยกิริยาหรือคำพูด และต้องไม่เป็นการพูดชี้นำหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งต่างจากกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวเผยแพร่ไปยังประชาชน ตรงนี้สามารถทำได้ เพราะมีเจตนาในการเผยแพร่ชัดเจน “หากพบว่ามีการกระทำใดที่เลยขอบเขต ผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเอง”
ส่วนรายละเอียดว่าตำรวจนายดังกล่าวมีอาการป่วยก่อนหน้านี้อยู่แล้ว หรือถูกกดดันจนทำให้เกิดอาการนั้น จะต้องดูเป็นกรณีไป ส่วนรายละเอียดว่าตำรวจมีอาการป่วยอยู่แล้วหรือไม่นั้นจะต้องมีการสอบถามกับภรรยา ซึ่งขณะนี้อยู่ในการรักษาตัวของแพทย์
ส่วนประเด็นเรื่องการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่และไลฟ์จนเป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้ต้องมีการพิจารณา หากอยู่ในความรับผิดชอบของอำนาจการสอบสวนของตำรวจไซเบอร์ก็สามารถดำเนินการได้ทันที หรือหากอยู่ในความรับผิดชอบท้องที่ใด ก็จะมีการประสานกัน หรือหากตำรวจท้องที่มีข้อมูลหลักฐานชัดเจน ก็จะให้ตำรวจไซเบอร์ส่งสำนวนไปให้ท้องที่ในการทำคดีหลักเกี่ยวกับเรื่องทำร้ายร่างกายเป็นคดีเดียวกันเลยก็สามารถทำได้
TAGS:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กเต่า'แถลงปิดจบล้างบางรวบตัวการใหญ่ทุจริตยา รพ. - ย้ำจะเร่งตรวจสอบโรงพยาบาลอื่นๆ คาดมีการทุจริตแบบเดียวกัน

ชายเมาคลั่ง ขับกระบะพุ่งชนวุ่นริมถนนมิตรภาพ โคราช ก่อน ตร.ยิงล้อสกัดจับตัวไว้ได้ จับเป่าแอลกอฮอล์พุ่ง 300
